คอลัมนิสต์

พรรคใดคือตัวแปร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  จี้จุดตาย..คลายจุดเป็น  โดย...  เร้นกาย ไร้เงา


 

          “เพื่อไทย” - “พลังประชารัฐ” คือสองพรรคที่กำลังเปิดดีลการตั้งรัฐบาลโดยส่งคำเชิญเบื้องต้นไปให้พรรคอื่นๆ พินิจพิจารณา


          เพื่อไทยเชิญพรรคที่เคยบอกสังคมไว้ว่าไม่ต้องการสืบทอดอำนาจให้มาร่วมมือและยังเปิดเงื่อนไขแบบไร้เงื่อนไข แม้แต่บัลลังก์ สร.1 ก็พร้อมเปิดให้พรรคที่จะมาแตะมือต้านขั้วตรงข้าม

 

 

          พลังประชารัฐก็พร้อมที่จะแตะมือทุกขั้วเช่นกัน แต่ไม่ยกตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารให้คนอื่น เพราะต้องรักษาไว้ให้ลุงตู่เท่านั้น


          แต่ตอนนี้ต้องดูก่อนว่าสองพรรคหลักนั้นใครจะเปิดดีลที่น่าพินิจพิจารณาให้พรรคต่างๆ และควรดูว่าเงื่อนไขใดที่สองพรรคหลักนี้จะอ้างในการขึ้นเป็นแกนตั้งรัฐบาลได้แบบไม่โดนสังคมตำหนิ รวมทั้งการคำนวณอายุของ ครม.ชุดใหม่ว่าจะยาวนานเพียงใด ตรงนี้เองที่พรรคต่างๆ จะต้องมองและต่อรองกลับไปยังสองพรรคหลัก


          กาลนี้เพื่อไทยได้เปรียบตรงที่มี ส.ส.มากกว่า และยังอ้างครรลองการเป็นพรรคอันดับหนึ่ง แต่พลังประชารัฐอ้างแต้มต่อเรื่องคะแนนรวมจากคนใช้สิทธิทั่วไทยที่มากกว่าพรรคอื่นๆ และยังมีกองหนุนคือ 250 ส.ว. ที่ว่ากันว่าพร้อมยกมือให้แคนดิเดตนายกฯ ของพลังประชารัฐได้เดินเข้าตึกไทยคู่ฟ้า


          ดังนั้นพรรคต่างๆ ที่จะมาแตะมือต้องคิดหนัก เพราะหากแตะมือขั้วใดในคราวนี้ต้องตรองลึกๆ เนื่องจากการเบียดกันขึ้นเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลครั้งนี้ยังคลุมเครือเพราะเพื่อไทยกับพลังประชารัฐนั้นแม้จะขยับจังหวะประสานไปพรรคอื่นๆ กันแล้ว แต่ในเมื่อไม่มีอะไรชัดเจนขณะที่ต้องรอการรับรองสถานะ ส.ส.จาก กกต. และการคำนวณปาร์ตี้ลิสต์อย่างเป็นทางการว่าจะบังเกิดยามใด การไปทาบทามกันไว้เบื้องต้นตั้งแต่อะไรๆ ยังไม่นิ่งนั้น อาจจะเป็น "ม่ายขันหมาก”


          ฉะนั้นการร่วมหอลงโรงจะชัดขึ้นก็ต่อเมื่อตัวเลข ส.ส.ของแต่ละพรรคในสองระบบมีความแน่ชัดแล้ว การเจรจาแตะขั้วแบบจริงจังจึงจะบรรเลงในเพลาดังกล่าว 



 

          ด้วยเวลาที่ทอดนาน เพราะ กกต.อ้างกฎหมายในการรับรอง ส.ส.ให้ได้คนที่ไร้รอยตำหนินั้น ต้องผ่านการกรองและใบสารพัดสีจะบังเกิดตามข้อร้องเรียนจากผู้สมัครหลายพรรค และควรตามกระแสข่าวคนบางคนและบางพรรคจะโดนของหนักนั้นจริงหรือไม่ และจะคลอดเมื่อใด ทั้งต้องมองว่าการทำงานของ กกต.ชุดนี้จะออกหัวหรือก้อย เพราะหากมีการโละ กกต. จากข้อผิดพลาดในการหย่อนบัตร แปลว่าเลือกตั้งโมฆะ ?


          ปัจจัยเหล่านี้เองที่พรรคตัวแปรต้องเมียงมองและเกาะติด เพราะมันคือเดิมพันวันนี้และวันหน้า พรรคตัวแปรที่ไม่ว่าไปแตะมือขั้วใด ย่อมมีทั้งลบและบวกบนพายุการเมืองไทยยามนี้และยามหน้า


          บางพรรคเงื่อนไขน้อยเพราะแต้มต่อแทบไม่มี แบบนี้เบาใจไปเปลาะหนึ่ง หากถามว่างานนี้ใครคือพรรคตัวแปรตามข้อเขียนในพื้นที่นี้ แน่นอนว่า คือพรรคอันดับรองๆ ลงมา จากเพื่อไทยและพลังประชารัฐ


          “ภูมิใจไทย” และ “ประชาธิปัตย์” คือพรรคตัวแปรที่ไม่ว่าแตะขั้วข้างใดแล้ว การตั้งรัฐบาลจะง่ายขึ้นพลัน และจะแน่นขึ้นหากสองพรรคนี้ร่วมมือกันจริงในการไปแบบแพ็กคู่ในการแตะขั้วตั้งรัฐบาล แต่ต้องดูปัจจัยภายในของสองพรรคนี้ประกอบกัน


          พรรคสีน้ำเงินที่มอบอาญาสิทธิ์ให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคตัดสินใจว่าจะแตะมือทางใด รวมทั้งรอดูสัญญาณคนโตบุรีรัมย์ที่นับเป็นคีย์แมนหลักที่มีบทบาทหลังบ้านแบบมองข้ามไม่ได้


          ยามนี้ภูมิใจไทยเป็นพรรคที่แน่นเหนียวและมีพลังที่แน่นพอจะแบ็กอัพรัฐบาลใหม่ได้เต็มที่ แต่ต้องดูเงื่อนไขของพรรคสีน้ำเงินที่ขายแคมเปญและจุดยืนของพรรคที่แจ้งสังคมไว้และวัดใจพรรคที่ส่งเทียบเชิญมายังภูมิใจไทย ยอมรับเงื่อนไขที่พรรคนี้วางไว้หรือไม่


          ส่วนพรรคสีฟ้ายามนี้ ต้องสงบพายุย่านเศรษฐศิริให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาดูว่าจะไปทางใด หลังเดอะมาร์คไขก๊อก เพราะยามนี้พรรคสีฟ้าต้องบูรณะพรรคกันขนานใหญ่หลังพ่ายยับบนสนามหย่อนบัตรครั้งนี้ในแทบทุกตารางนิ้วของแผ่นดิน


          หากพรรคสีฟ้าไปแตะขั้วใด สังคมจะถามกลับว่าสิ่งที่อดีตหัวหน้าพรรคเคยบอกว่าไม่จับมือกับเพื่อไทยและพลังประชารัฐ แต่วันหน้ากลับพลิกลิ้นแม้จะอ้างคำพูดของอดีตหัวหน้าพรรคกับสิ่งที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตัดสินใจมันอยู่คนละเงื่อนไขก็ตาม พรรคสีฟ้าเจ็บตัวทั้งขึ้นและล่องแน่นอน โอกาสของพรรคสีฟ้าจึงยังไม่แน่ชัดแม้จะมีกระแสลอยลมมาบ้างว่าน่าจะแตะมือกับขั้วใดมากกว่ากัน


          ตัวแปรหลักวันนี้คือพรรคสีน้ำเงินที่พร้อมแตะกับเพื่อไทยหรือพลังประชารัฐได้แบบชิลๆ ส่วนตัวแปรรองคือพรรคสีฟ้าที่ยังอึมครึม


          และหากว่าพรรคนี้แทงกั๊กโดยบอกสังคมว่า ขอทำหน้าที่ตรวจสอบแล้วนั้น แบบนี้ความมั่นคงของรัฐบาลใหม่จะลดลงไประดับหนึ่ง


          ตัวแปรรองจะเป็นตัวแปรหลักในวันหน้าโดยพลัน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ