พ่อตัดพ้อ เพราะความจน ดูแลลูกไม่ได้ หลังลูกชายถูกพ่อเพื่อนทำร้าย

จากกรณีเพจดัง โพสต์เรื่องราวสุดสลดระบุว่า เศร้าสลด RIP คุณพ่อน้อง สู่สุคติ น่าเศร้ามาก เด็กนักเรียนชายถูกผู้ปกครองเพื่อนที่โรงเรียนต่อยหน้า และข่มขู่ แจ้งความตำรวจก็ไม่ทำอะไร จนเด็กไปเล่าให้พ่อฟัง พูดคุยเพื่อหาทางออกกันที่บ้าน สุดท้าย พ่อตัดพ้อว่าตัวเองจน เจ็บใจที่ดูแลลูกไม่ได้ จนคิดสั้นผูกคอตาย

 

1 ก.ค. 2567 เกิดเหตุสลด พ่อท่านหนึ่งก่อเหตุสลด ผูกคอเสียชีวิต ที่ ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เนื่องจากน้อยใจ ต้องการร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกตนเอง ที่โดนทำร้าย ครอบครัวน้องมีกัน 3 คน พ่อ พี่ชาย และน้อง ส่วนแม่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

พ่อและน้อง ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป พี่ชายทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด ก่อนเกิดเหตุ ตามประสาเด็กผู้ชาย ช่วงเย็นน้องก็ไปเล่นฟุตบอลตามปกติ แล้วเกิดมีปากเสียงกับ เพื่อนที่เล่นด้วยกัน แต่พ่อของเพื่อนน้อง มาเห็นว่ากำลังทะเลาะ จึงเข้ามาหาน้องชาย และพูดไปว่า "มึงทำอะไรลูกกู?"

 

น้องจึงตอบไปว่า ไม่ได้ทำอะไร ก็ทะเลาะกัน น้องบอกได้กลิ่นเหมือนเมาสุรา แล้วด่าน้อง ข่มขู่น้องว่า "ไอเด็ก here มึงระวังไว้ มึงรู้ใช่ไหมว่ากูขับสิบล้อ ระวังจะโดน" น้องก็เถียงไปว่า " ผมก็ไม่ได้ here นะ อย่าพูดแบบนี้ " พ่อเด็กคนนั้นก็ต่อยเข้าเบ้าตาน้อง จนเขียวปูด แล้วก็กลับบ้านไป

 

น้องกลับบ้านเล่าให้พ่อฟัง รุ่งเช้าน้องเข้าไปแจ้งความที่ สภ. ตำรวจบอกว่า เป็นเรื่องทะเลาะวิวาท อยากจะให้เข้ามาไกล่เกลี่ยกัน ให้จ่ายคนละ 1,000 บาท หลังจากพี่ชายทราบข่าว จึงกลับมาจากต่างจังหวัด ทั้ง 3 คน พ่อ พี่ชาย และน้อง ก็นั่งคุยปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะทำยังไง เพราะน้องก็ไม่มีเงิน 1,000 บาท จะไปจ่ายเขา ที่สถานีตำรวจ ช่วงที่คุยกัน พ่อได้พูดว่า  " เราคนจน จะไปสู้อะไรกับเขาได้ เงินไม่มี ถ้าเรามีเงินก็สู้เขาได้ มีทางเดียวที่จะมีเงิน คือเงิน ฌาปนกิจของพ่อ "

 

พี่ชายได้ฟัง จึงเอ่ยปากห้ามพ่อ บอกว่ามีอีกหลายวิธี ให้พ่อเลิกคิดอย่าทำแบบนั้น หลังจากนั้น ต่างคนก็ได้แยกย้ายกันไปนอน ช่วงตี 4 หัวรุ่งขึ้น น้องตื่นมา เพื่อจะไปหาปลามาขายที่ตลาด แต่ต้องตกใจ เพราะเห็นพ่อผูกคอตัวเองดับ ที่ขื่อกลางบ้าน น้องทำอะไรไม่ถูก ยืนนิ่งสักพัก จึงไปเรียกญาติให้มาช่วยส่งโรงพยาบาล แต่ก็สายไปแล้ว

 

วันจัดงานศพ แม้แต่โลงก็ยังไม่มี ญาติก็ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อน้อง โลงทางวัดก็จัดการให้ ส่วนคนที่ทำน้อง ตอนนี้หลังจากที่เป็นข่าว มีคนไปหาที่บ้าน ก็ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหนถ้าอยาก declair ตัวเองก็ต้องมา มาคุยให้รู้เรื่อง เป็นผู้ใหญ่ไปทำเด็กมันก็น่าอายพออยู่แล้ว ส่วนใครที่ จะเป็นคนร่ำรวยมาจากไหน ใครเป็นญาติใคร จะปกป้องกันยังไง ก็ควรไตร่ตรองสักนิดนะ

 

ล่าสุดวันนี้ (1 ก.ค. 2567) ที่วัดบางบอน ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายสาคร (สงวนนามสกุล) (พ่อ) ที่อยู่หมู่ 7 ต.บางพลับ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ซึ่ง นายเสกสรร (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ลูกชายคนโต เล่าว่า หลังจากพ่อ มาทราบว่า ลูกชายคนเล็ก อายุ 14 ปี เรียนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ถูกผู้ปกครองของเพื่อนในโรงเรียน ทำร้าย เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา พ่อเลยเกิดอาการเครียด ผูกคอลาโลก เขียนจดหมายสั่งเสียเอาไว้

 

พ่อเกิดอาการเครียด เรื่องที่ว่าน้องไปโดนเขาชกต่อยมา แล้วคดีไม่คืบหน้า พ่อเขาเครียด เขาถามผมทุกวัน ว่ามีตังค์ไปช่วยน้องขึ้นศาลไหม เขาก็ไม่มี ผมก็ไม่รู้จะทำไง ผมก็ทำงานหาเงินให้เขาทุกวัน จะให้เขาเอาเงินไปขึ้นศาล ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมาทำแบบนี้ เรื่องชกต่อยเกิดขึ้นที่โรงเรียน

 

แต่คดี 1 เดือน 1 วัน ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมเป็นคนไปแจ้งความให้ แต่ตำรวจเขาไม่เอาผมเป็นผู้ปกครอง แต่ผมเป็นพี่คนโตของเด็ก แต่เขาจะเอาพ่อเป็นคนแจ้ง พ่อไม่สบาย ป่วย เขาก็จะเอาพ่อ แต่ถ้าเอาผมไปแจ้ง ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะผมก็ไม่อยากบอกเขา พ่อเขาเครียดกลัวไม่มีตังค์ไปสู้คดี ถึงมีตังค์ไปสู้คดีเราก็แพ้ เพราะเราไม่มีอะไรไปสู้กับเขา เงินติดตัว กินข้าวยังไม่มีกันเลย

 

ทางคู่กรณีเรา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะอย่างไง เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของเด็ก 2 คน แล้วพ่อของฝั่งโน้นมายุ่ง เขาเมาด้วย แล้วเขามาต่อยน้องผม เหมือนมาเคลียร์ให้ลูก ลูกเขาก็คนละชั้น คนละโรงเรียนกันด้วย จริงๆ ตำรวจเรียกขึ้นศาลวันนี้ เพื่อไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ส่วนเงิน 1,000 บาท ผมก็ไม่เข้าใจ แต่พ่อบอกผมมาว่าร้อยเวรปรับคนละ 1,000 บาท แต่พ่อบอกเขาว่าไม่มี รอขึ้นศาลได้ไหม เดี๋ยวค่อยให้ พ่อเขาพูดกับผมทุกวัน เป็นอาทิตย์แล้ว

 

เขาก็รู้ว่าผมไม่มี แต่ตัวเขาเองมีประกันหมู่บ้านอยู่ ผมคิดว่าเขาน่าจะเอาตัวนี้มาช่วย มาขึ้นศาล แต่เขาไม่น่าทำแบบนี้

 

น้องชายวัย 14 ปี ที่ถูกทำร้ายเล่าว่า วันนั้นผมเล่นฟุตบอลอยู่ ลูกลุงคนนั้นเขาก็วิ่งมาซ้อม รด. ผมก็ทักเหมือนเพื่อนว่า ไปไหน? เขาก็ตอบว่าเสือก ผมก็เลยหัวร้อนวิ่งเข้าไป แต่ไม่ได้ทำอะไร แต่เขาถืออิฐ เหมือนจะทำร้ายผม จากนั้นผมก็เดินกลับไปหาเพื่อน ให้เพื่อนพาไปหาเด็กคนนั้น เพื่อจะเคลียร์

 

แต่พอเคลียร์ไม่รู้เรื่อง ผมก็กลับมาที่โรงเรียน แล้วพ่อของเด็กคนนั้นเขาก็มาถามว่า เก๋าหรอ เก่งหรอ มึงเก่งมาจากไหนหรอ? ผมก็เลยบอกว่าผมไม่เก๋า แล้วเขากลับไปรอบหนึ่ง ผมก็ยังนั่งเล่นอยู่หน้าโรงเรียน พ่อของเด็กคนนั้นก็มาอีกรอบหนึ่ง เขาเข้ามาด่า ต่อว่าผมอย่างโน้นอย่างงี้

 

ก่อนที่เขาจะไป เขาก็บอกว่าผม here  ผมก็บอกว่าผม here  เฉยเลย แล้วเขาก็วนกลับมาถามว่า ผมพูดว่าอะไรนะ พูดอีกทีสิ แล้วเขาก็ต่อยหน้าผมเลย ผมไม่เคยทะเลากันมาก่อน ผมก็ทักปกติ ไม่คิดว่าเขาจะไปบอกพ่อแบบนี้ แล้วพ่อเขากินเหล้าด้วย

 

นายธนศักดิ์ (สงวนนามสกุล) หรือเบ็นซ์  อายุ 27 ปี คนที่เข้ามาช่วยเหลือน้องอายุ 14 ปี กล่าวว่า มีผู้ประสงค์ดี หวังดีกับน้อง ติดต่อมาอยากให้ผมเข้ามาดูแลเคสนี้หน่อย เด็กถูกทำร้ายร่างกาย ตำรวจก็บอกว่าดำเนินคดีไม่ได้ บอกเป็นเยาวชน แต่ผมฟังจากการเล่ามา คือ  ผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก สามารถดำเนินคดีได้

 

เบื้องต้นก็ประสานร้อยเวร เข้าไปที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้รอร้อยเวรอย่างเดียว ผมลงพื้นที่ สอบถามน้องที่ถูกกระทำเองเลย น้องเล่าให้ฟังว่า น้องเล่นกีฬากับเพื่อนต่างสถาบัน ก็มีปากเสียงกันตามประสาเด็ก ซึ่งทางผู้ใหญ่ฝั่งโน้น หาว่าไปด่าลูกเขา ไปรังแกลูกเขา ครั้งแรกเข้ามาด่า อีกครั้งเข้ามาต่อยตามคลิปเลย

 

ผมถามน้องว่ารู้จักกับครอบครัวนี้มาก่อนไหม น้องบอกไม่รู้จักเลย แต่รู้จักกับลูกเขา เพราะเล่นกีฬาหลังเลิกเรียน นอกจากนี้น้องเขาก็เล่าว่า ขี่มอเตอร์ไซค์มากับแฟน แล้วก็มีรถสิบล้อขับเบียดเขา เพื่อให้เขาตกลงข้างทาง อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง เพราะฟังมาจากน้องเขา จากการได้รับข้อมูล น่าจะมีคนพยายามปิดบังเรื่องนี้ จริงๆ เรื่องราวนี้ควรเผยแพร่ไป เรื่องนี้อาจจะมีนอกมีในกัน ช่วยเหลือกัน อยากให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกัน

ขนาดโลงศพยังไม่มีเงินซื้อเลย คนตายพอเขารู้เรื่อง เขาก็เครียด แล้วเขาก็ไม่รู้กฎหมาย ตัวพ่อเขาเองก็ไม่มีเงินอยู่แล้ว มีการท้าให้แจ้งความกลับ ฝั่งโน้นเขาก็ท้า ถ้าแน่ก็แจ้งความเลย พูดแบบนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามีอะไรกับตำรวจ ถึงได้พูดแบบนี้ อยากให้หน่วยงานเข้ามาดูแลน้อง บ้านก็ยากจนมาก และระแวงเรื่องความปลอดภัยด้วย แต่ตัวเองก็ต้องยอมดำเนินคดีเพื่อพ่อ เพราะพ่อทำเพื่อเราถึงที่สุด

ด้าน พ.ต.ท. อภิชาต ปานแพร รองผู้กำกับ สอบสวน สภ.สองพี่น้อง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอน ของกฎหมาย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเป็นการเข้าใจผิด ซึ่งวันที่เรียกมาไกล่เกลี่ยนั้น พนักงานสอบสวนได้ถามผู้เสียหายว่า ยินยอมให้ปรับเงิน 1,000 บาท กับผู้ต้องหาหรือไม่? ซึ่งผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ดำเนินตามขั้นตอน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว

 

อีกทั้งทางผู้เสียหายได้ร้องขอไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันนี้ ขณะที่พนักงานสอบสวนยืนยันได้อธิบายให้ผู้เสียหายเข้าใจทุกขั้นตอนแล้ว ซึ่งการเสียค่าปรับดังกล่าวนั้น เป็นการปรับทางผู้ก่อเหตุ ฝังเดียวเท่านั้น จึงต้องถามผู้เสียหายว่ายินยอมให้ปรับหรือไม่ หากผู้เสียหายไม่ยินยอม พนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สองพี่น้อง ได้เชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาไกลเกลี่ย ผลปรากฎว่าทางผู้เสียหาย ไม่ยินยอมให้ พนักงานสอบสวน ปรับผู้ก่อเหตุ 1,000 บาท ทางพนักงานสอบสวน จึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาล ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

แจ้งข้อหา ใช้กำลังทำร้าย โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

ขณะที่ กำหนดฌาปนกิจ นายสาคร ผู้เสียชีวิต วันที่ 3 ก.ค.2567 เมรุ ณ วัดบางบอน ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี