เตือนด่วน 24 จังหวัด ระวัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ฝนตกหนักมาก
สทนช. ประกาศเตือนด่วน 24 จังหวัด เฝ้าระวัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง หลัง ฝนตกหนักมาก หลายพื้นที่ รวม กทม.
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศ ฉบับที่ 17/2567 เรื่อง เฝ้าระวัง น้ำท่วมขัง น้ำท่วมฉับพลัน และ น้ำล้นตลิ่ง โดยได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มี ฝนตกหนักมาก บางพื้นที่
ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำตามฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 19 - 23 ต.ค. 2567 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยง น้ำท่วมขัง ในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ
- จ.นครปฐม (อ.เมืองนครปฐม กำแพงแสน ดอนตูม นครชัยศรี พุทธมณฑล และสามพราน)
- จ.สมุทรสาคร (อ.เมืองสมุทรสาคร บ้านแพ้ว และกระทุ่มแบน)
- จ.นนทบุรี (อ.เมืองนนทบุรี ปากเกร็ด บางบัวทอง และบางกรวย)
- จ.สมุทรปราการ (อ.เมืองสมุทรปราการ พระสมุทรเจดีย์ พระประแดง บางพลี บางบ่อ และบางเสาธง)
- กรุงเทพมหานคร (เขตพระนคร สัมพันธวงศ์ ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางรัก คลองสาน ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ธนบุรี บางคอแหลม สาทร ยานนาวา บางแคราษฎร์บูรณะ หนองแขม ภาษีเจริญ บางบอน จอมทอง ทุ่งครุ และบางขุนเทียน)
2. พื้นที่เสี่ยง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ดังนี้
2.1 ภาคตะวันตก
- จ.กาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ด่านมะขามเตี้ย พนมทวน และท่ามะกา)
- จ.ราชบุรี (อำเภอเมืองราชบุรี สวนผึ้ง จอมบึง บ้านคา โพธาราม และบ้านโป่ง)
- จ.เพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน)
- จ.ประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอทับสะแก บางสะพาน และบางสะพานน้อย)
2.2 ภาคตะวันออก
- จ.ฉะเชิงเทรา (อ.ท่าตะเกียบ และสนามชัยเขต)
- จ.ปราจีนบุรี (อ.เมืองปราจีนบุรี ประจันตคาม นาดี และกบินทร์บุรี)
- จ.สระแก้ว (อ.เมืองสระแก้ว และอรัญประเทศ)
- จ.ชลบุรี (อ.เมืองชลบุรี ศรีราชา บางละมุง และสัตหีบ)
- จ.ระยอง (อ.เมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และนิคมพัฒนา)
- จ.จันทบุรี (อ.เมืองจันทบุรี ขลุง ท่าใหม่ เขาคิชฌกูฏ และมะขาม)
- จ.ตราด (อ.เมืองตราด บ่อไร่ เขาสมิง คลองใหญ่ และแหลมงอบ)
2.3 ภาคใต้
- จ.ชุมพร (อ.เมืองชุมพร สวี ทุ่งตะโก หลังสวน และพะโต๊ะ)
- จ.ระนอง (อ.เมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ)
- จ.พังงา (อ.ตะกั่วป่า และกะปง)
- จ.ภูเก็ต (อ.เมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)
- จ.สุราษฎร์ธานี (อ.เมืองสุราษฎร์ธานี กาญจนดิษฐ์ พนม บ้านนาสาร บ้านนาเดิม พุนพิน เคียนซา พระแสง ดอนสัก และเกาะสมุย)
- จ.ตรัง (อ.เมืองตรัง ย่านตาขาว ห้วยยอด นาโยง และวังวิเศษ)
- จ.สตูล (อ.เมืองสตูล)
- จ.นครศรีธรรมราช (อ.เมืองนครศรีธรรมราช ปากพนัง เฉลิมพระเกียรติ พระพรหม ร่อนพิบูลย์ จุฬาภรณ์ ขนอม ทุ่งสง สิชล นบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ลานสกา เชียรใหญ่ ชะอวด และหัวไทร)
- จ.พัทลุง (อ.เมืองพัทลุง และควนขนุน)
- จ.สงขลา (อ.เมืองสงขลา กระแสสินธุ์ ระโนด นาทวี สิงหนคร หาดใหญ่ และรัตภูมิ)
- จ.ปัตตานี (อ.เมืองปัตตานี แม่ลาน กะพ้อ ทุ่งยางแดง ไม้แก่น ยะรัง สายบุรี ยะหริ่ง ปะนาเระ มายอ และหนองจิก)
- จ.ยะลา (อ.เมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และรามัน)
- จ.นราธิวาส (อ.เมืองนราธิวาส ศรีสาคร เจาะไอร้อง แว้ง บาเจาะ ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ จะแนะ สุคิริน สุไหงโก-ลก สุไหงปาดี และตากใบ)
3. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ
- จ.ประจวบคีรีขันธ์
- จ.สุราษฎร์ธานี
- จ.ภูเก็ต
- จ.กระบี่
และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด
4. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ คลองบางสะพาน คลองชุมพร คลองหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำตรัง แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
- ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ
- ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและ อิทธิพลของการขึ้น - ลง ของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก
- เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ลอกท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
- ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์