ไลฟ์สไตล์

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอก จ.ตาก : ชวนเที่ยว เรื่อง / ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์

            ทุกครั้งที่คิดถึงทะเลหมอก หลายคนอาจจะมองไปถึงแหล่งท่องเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติที่ขึ้นชื่อในภาคเหนือ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แน่นอนว่า ถ้าไปถูกช่วง ถูกจังหวะ ได้เห็นทะเลหมอกตรึมๆ แน่

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ฉันเองหลงใหลเสน่ห์ของทะเลหมอกในแถบจังหวัดตาก จังหวัดที่ทอดตัวยาวฝั่งตะวันตกของประเทศ จากกาญจนบุรี ขึ้นไปจรดแม่ฮ่องสอนในภาคเหนือ ไม่น่าเชื่อว่าจังหวัดนี้ มีอุทยานแห่งชาติมากถึง 6 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก 5 แห่ง และป่าสงวนแห่งชาติถึง 15 แห่ง เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญหลายสาย อาทิ แม่น้ำแม่กลอง, คลองวังเจ้า, ห้วยแม่ละเมา, ห้วยวาเล่ย์ เป็นต้น

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ด้วยความสมบูรณ์ของผืนป่า เขาสูง และความชุ่มฉ่ำของสายน้ำ ในเบื้องล่าง ทำให้พื้นที่แถบนี้มีจุดชมทะเลหมอกสวยงามหลายแห่ง บางแห่งเดินทางไปง่ายรถเข้าถึง แต่ก็มีหลายแห่งที่ต้องพึ่งพาอาศัยสองเท้าของเราก้าวเดินไป

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           หลังจากที่ ม่อนทูเล ในเขตต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง เผยโฉมให้เห็นทะเลหมอกสวยงาม จนกลายเป็นที่กล่าวขาน ยิ่งช่วงวันหยุดปลายปี จะมีนักท่องเที่ยวเดินเท้าขึ้นไปชมความงามกันมากขึ้นทุกปีแล้ว

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ฉันกับเพื่อนขอกระเถิบหนีความวุ่นวาย ห่างออกไปอีกหน่อย หลังจากกลุ่มเพื่อนที่ชอบเที่ยวลำบากจนได้ชื่อว่าทารุณทัวร์จิ้มแผนที่ ก็ไปลงตัวที่ ดอยเบอบาตู  ดอยสูงกำลังสวยชื่อแปลกหูนี้ อยู่ในเขต

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ต.แม่วะหลวง ที่อยู่เหนือ ต.ท่าสองยางขึ้นไป ไม่ใช่ดินแดนต่างประเทศที่ไหน เพราะประชาชนในตำบลแม่วะหลวง 100% เป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงนั่นเอง จึงไม่แปลกที่จะมีชื่อของดอยเบอบาตูอยู่ในการเรียกขานด้วย ต.แม่วะหลวง อยู่รอยต่อของท่าสองยาง กับอ.แม่สะเรียงของจ.แม่ฮ่องสอน มีหมู่บ้านที่ต้องเดินเท้าเข้าไปถึง 5 หมู่บ้าน เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตป่าสงวน ภูเขาสูง กว่าจะเข้าถึงหมู่บ้านที่ต้องการได้ ก็อาศัยติดต่อไปทาง อบต.ท่าสองยางช่วยจัดการให้

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ด้วยความที่เคยคุ้นกัน จุดนัดหมายเปลี่ยนถ่ายรถรับ-ส่งอยู่ที่ ที่ทำการ อบต.แม่วะหลวง (ชั่วคราว) ซึ่งอยู่บนเนินข้างโรงเรียนบ้านแม่อมกิ ที่จะพาไปส่งถึงหมู่บ้านที่ต้องเดินเท้าขึ้นเขา ด้วยความเข้าใจกันคนละอย่าง โดยฝั่งอบต.ท่าสองยางคิดว่าดอยเบอบาตู คือดอยเหนือน้ำตกขุนแม่เหวย หากแต่เราจะไปดอยเบอบาตูเพื่อดูทะเลหมอก (ต่างหาก) รถเลยไปส่งเราที่หมู่บ้านปางทอง แทนที่จะเป็นหมู่บ้านแม่สะเปา

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ชนิดที่ว่าคนละฝั่งเขากันทีเดียว ตั้งต้นแบกเป้เดินสองเท้ากันท้ายหมู่บ้านนั่นเอง คนนำทางบอกว่าราวๆ 2-3 ชั่วโมงก็น่าจะถึงที่หมาย แค่ตั้งต้นก็เริ่มขึ้นเนินเขาซะแล้ว ข้าวในนาภูเขาเก็บเกี่ยวไปแล้ว ไม่นานก็เข่าราวป่าใหญ่ ร่มไม้หนาช่วยบังแดดไปได้ระยะหนึ่ง เดินไปเดินมา จากแดดจัด กลายเป็นเดินในสายหมอก ผ่านไปราวๆ เกือบ 2 ชั่วโมง ทะลุออกไปถึงลานหญ้ากว้างๆ มีฝูงควายออกหากินอยู่ คุยไปคุยมาถึงรู้ว่า เราเข้าใจเส้นทางกันคนละยอด

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ผลก็คือ ที่เดินมาทั้งหมดเป็นของแถม (ฮา) หลังจากปรึกษากันว่าจะไปต่อ หรือตัดเส้นทางข้ามเขาไปอีกฝั่งหายอดดอยเบอบาตูตามที่ตั้งใจ เหมือนทุกคนจะร่วมหัวจมท้ายว่าเดินอีก 3 ชั่วโมงไปหายอดที่ต้องการ นับจากนั้นก็เหมือนจะเดินไป มุดไป หอบไป เพราะบางช่วงเป็นป่าโปร่งเดินสบาย บางช่วงเป็นต้นไม้ล้มๆ ให้ต้องคลานมุดๆ ไป ตลอดเส้นทางเดิน แม้จะดูว่าอยู่ไม่สูงมาก แต่สายหมอกพัดพลิ้วเข้าปะทะร่างอยู่ตลอดทาง กลบแสงแดดจนสิ้น

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ด้วยเพราะดอยที่เรามุ่งหน้าไปจะไม่มีแหล่งน้ำด้านบน ต้องแวะสำรองน้ำระหว่างทาง ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน ถึงตอนนี้ บางคนนึกว่าหิวข้าว เพราะสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว ก็เริ่มกินข้าวเที่ยงรอ ลูกหาบหายไปราวครึ่งชั่วโมง ก็กลับมาพร้อมกับน้ำสองแกลลอนย่อมๆ นี่คงพอแค่หุงข้าว ทำกับข้าวและเป็นน้ำดื่ม...แค่นั้น ยามอยู่บนดอยสูง น้ำทุกหยดมีค่าจริงๆ หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อย เราเริ่มออกเดินกันอีกครั้ง คราวนี้ ค่อยๆ ไต่ขึ้นเนินอีกลูกหนึ่ง มีขึ้นก็มีลง จนไปถึงสันเขา ที่มองเห็นยอดดอยเบอบาตูอยู่ตรงหน้า เสียงพี่สายันต์ จากแม่วะหลวง

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           หนึ่งในคนนำทางบอกว่า บนดอยเราเลือกนอนได้ 3 ระดับ สุดท้ายเพื่อนลงความเห็นเราไปนอนระดับสูงสุดดีกว่า หวังว่าตื่นเช้ามาจะได้เหยียบทะเลหมอกกันเลยทีเดียว ว่าไงว่าตามกัน ก็แค่แบกเป้ พาตัวเองไปให้ถึงจุดหมาย ตรงหน้า คราวนี้มีแต่ขึ้นกับขึ้น ฝ่าสายหมอกขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงสันเขาที่เป็นทางบังคับ คนเดินช้าอย่างฉันถึงได้หยุดพักนานๆ เก็บสายลมสายหมอก น้ำค้างที่เกาะติดลูกไม้ทั้งที่ตะวันยังไม่ลับฟ้า ผ่านจุดตั้งแคมป์ระดับ 1 ไปสู่ระดับ 2 แต่เพื่อนไม่หยุด ก็ต้องตามไปถึงระดับ 3 สายหมอกกระชากวูบเข้ามารายรอบ แทบจะมองไม่เห็นทาง จนเกือบจะเดินเลาะเขาลงไปอีกด้าน

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           ก็ได้ยินเสียงเพื่อนๆ แว่วมา เลยรอดตัวไป ไม่ต้องเดินเพิ่มระยะ หลักหมุด แผนที่ทหาร ปรากฏอยู่ระหว่างทิวหญ้ากลางทาง ...ในที่สุด เราก็มาถึงจนได้ แม้จะอ้อมไป 2 ชั่วโมงก็ตามที แต่ที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าคือทะเลหมอกที่เห็นอยู่ตรงหน้าก่อนดวงอาทิตย์จะลับฟ้า ดูราวกับว่าดวงอาทิตย์กำลังจะตกทะเลจริงๆ หมอกแน่นๆ ขยับตัวเป็นระลอกคลื่นรอรับการคล้อยต่ำลงของดวงอาทิตย์ ให้อารมณ์อ้อยอิ่งอย่างบอกไม่ถูก เราห่างหายจากภาพแบบนี้ไปนานมาก เพราะสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้กะช่วงเวลามาดูทะเลหมอกไม่ตรงจังหวะ บางทีควรหมอกหนา มาถึงเจอฝนบ้าง อากาศร้อนบ้าง อีกทั้งช่วงจังหวะดูทะเลหมอกสวยๆ อากาศต้องไม่หนาวจัด หรือแห้งเกินไป อุณหภูมิควรอยู่ราวๆ 16-19 องศา ก็จะกำลังดี

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           พอตะวันลับฟ้า อากาศเย็นก็เข้ามาแทนที่ พร้อมกับน้ำค้างที่ลงหนัก ตั้งแต่ยังไม่มุดเข้าเต็นท์ ถ้าเต็นท์ไม่กันน้ำก็มีสิทธิ์น้ำหยดใส่หน้าตอนนอนได้เหมือนกัน ฟ้าสว่าง รีบมุดเต็นท์ออกมา ผิดคาด....ทะเลหมอกไม่ได้หนาทึบอย่างเมื่อตอนเย็น แต่ก็เป็นริ้วระลอก เปิดให้เห็นภาพของขุนเขาสลับซับซ้อน ดูสวยงามไปอีกแบบ เสียดายแค่แสงแดดยามเช้าไม่ได้โลมเลียลงมาถึงจนกลายเป็นหมอกอุ่นๆ เท่านั้นเอง หลังจากถ่ายรูปกันพักใหญ่ ก็ได้เวลาจัดการมื้อเช้า ทำลายน้ำหนักไปได้เยอะ ขากลับวันนี้ เดินย้อนกลับทางเดิมตามสันเขา ก่อนจะตัดลงหุบอีกด้านผ่านดงสาบเสือต้นสูงๆ

ดอยเบอบาตูดูทะเลหมอกจ.ตาก

           นี่ถ้าไม่รู้ทางก็อาจจะมองไม่เห็นเทรลเดินได้ ผ่านไปค่อนๆ ชั่วโมง ก็อยากจะร้องกรี๊ด เมื่อได้ยินเสียงหมาเห่า เห็นหลังคากระท่อมโผล่มาในครรลอง อดนึกถึงเมื่อวานที่เดินกัน 5 ชั่วโมงไม่ได้ หมู่บ้านชายป่า โยกาแตะ อ้าแขนต้อนรับพวกเราให้ผ่านพื้นที่ ลงไปบ้านแม่สะเปา ที่อยู่ด้านล่าง เพื่อรอรถเข้ามารับ   ดอยสูงชายแดนไทย-พม่า ที่จำไม่ลืม เพราะนอกจากทะเลหมอกสวย ยังทำให้เห็นถึงมิตรภาพของเพื่อนร่วมทางเป็นสิ่งสำคัญ (ล้อมกรอบ) อบต.แม่วะหลวง บ้านปางทอง โทร.08-2886-6003

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวยอดนิยม