สาวแชร์อุทาหรณ์ 'เวียนหัว' ล้มทั้งยืน ไม่ใช่แค่หน้ามืด เป็นอาการโรคอันตราย

ผู้ใช้ Tiktok บัญชี kamonchanok_pueng โพสต์แชร์ประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ที่ทำเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด จากแค่คิดว่า เวียนหัว ธรรมดากลับกลายเป็นโรคร้ายสุดอันตราย เผยอาการสุดทรมาน หากใครเป็นแบบนี้อยู่ ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน

 

ผู้ใช้ Tiktok บัญชี kamonchanok_pueng โพสต์คลิปวิดีโอขณะที่ตนเองกำลัง เวียนหัว นอนทรมานอยู่ในบ้าน โดยที่ไม่มีใครอยู่สักคน โดยเธอเล่าว่า นั่งกินข้าวปกติไม่มีสัญญาณเตือนอะไร จะลุกเอาจานข้าวไปเก็บ ก็เกิดอาการ เวียนหัว เสียการทรงตัว ต้องนั่งฟุบลงไปกับพื้น สักพักอาเจียนหนักมาก เลยเริ่มโทรหาน้องให้มารับไปโรงพยาบาล ต้องพยายามคลานพาตัวเอง ไปเปิดประตูให้คนเข้ามาช่วย กว่าจะไปถึงประตู ทั้งอ้วกทั้งถ่ายต้องดึงตัวเองออกมาจากห้องน้ำ หลังไปโรงพยาบาลพบว่าเป็น โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน

 

 

 

 

เวียนหัว อาการแฝงโรคร้าย โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน 

 

โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เป็นสาเหตุของอาการ เวียนหัว ที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะจากโรคหู พบได้ประมาณร้อยละ 20-30 ของผู้ป่วยที่มาด้วยความผิดปกติของอาการ เวียนหัว โดยผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นแบบเฉียบพลัน เวลาขยับหัวแบบรวดเร็ว

 

• สาเหตุของโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน

ส่วนใหญ่เกิดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ แต่ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรค ได้แก่ อุบัติเหตุศีรษะกระแทก, หินปูนหูชั้นในเคลื่อน, การผ่าตัดหูบางชนิด นอกจากนี้มีการศึกษาวิจัยพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เช่น อายุมาก, เพศหญิง, โรคความดันโลหิตสูง, ไขมันโลหิตสูง, ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ, โรคเบาหวาน 

 

• อาการของโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน

ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นแบบเฉียบพลัน โดยอาการบ้านหมุนมักเป็นไม่นาน ประมาณไม่กี่นาที แต่อาจมีอาการมึนศีรษะตามมา อาการบ้านหมุนสัมพันธ์กับท่าทางหรือการขยับศีรษะ เช่น ลุกจากที่นอน พลิกตะแคงตัว ก้มเงย 

 

• การรักษาโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน

โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในสามารถหายเองได้ในผู้ป่วยบางราย แต่บางครั้งอาการอาจคงอยู่นานทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวัน การรักษาหลักคือการทำกายภาพบำบัด ทั้งนี้อาจเป็นการทำกายภาพบำบัดโดยแพทย์ แพทย์จะแนะนำท่าบริหารที่บ้านเพื่อปรับสภาพสมองให้อาการเวียนศีรษะดีขึ้น ปัจจุบันยังไม่มียาที่สำหรับรักษาโรคนี้โดยตรง