ข่าว

ไม่หนักใจสอบรุ่นน้อง ประธาน ป.ป.ช. พร้อมเดินหน้าคดี ‘บิ๊กโจ๊ก’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประธาน ป.ป.ช. รอข้อมูลคดี ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไม่หนักใจว่าเป็นคดีรุ่นน้อง เพราะประชาชนสนใจ ต้องชัดเจน โปร่งใส ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มจากทนายตั้ม

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึง คดีที่มีการกล่าวหาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับพวก กรณีเรียกรับผลประโยชน์จากเว็บไซต์การพนันออนไลน์ ว่า ป.ป.ช. มีมติไปแล้วว่า จะพิจารณาเรื่องนี้เอง เพราะถือเป็นเรื่องร้ายแรง จึงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการป.ป.ช. ที่จะต้องไต่สวนในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ หาข้อเท็จจริงและดำเนินการก่อน ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหน ต้องเป็นไปตามกระบวนการ เมื่อรับเข้ามาก็ต้องมีการตรวจสอบ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสาร ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรง ให้เรียกสำนวนกลับใช้อำนาจตามมาตรา 66 จึงได้มีมติไป ทั้งนี้เมื่อรับเรื่องมาแล้วก็ต้องมีการตรวจสอบเบื้องต้น และดูพยานหลักฐาน หากมีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะต้องไต่สวน ก็ต้องตั้งไต่สวน

 

"การตั้งไต่สวนทำได้ 2 กรณี  โดยตอนนี้ไม่มีอนุกรรมการเหมือนอดีต หากเป็นเรื่องทั่วๆไป ก็เป็นการไต่สวนเบื้องต้น ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ จะเป็นหัวหน้าพนักงานไต่สวน ดำเนินการไป แต่ถ้าเราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ มีผลกระทบ เกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ก็จะเป็นกรรมการไต่สวนโดยใช้กรรมการ 2 คน แต่ ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่มากก็จะให้คณะกรรมการทุกคนเป็นผู้ไต่สวน ดังนั้นเมื่อ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องกลับมาดู เอกสารทั้งหมดจะต้องส่งมาที่ป.ป.ช. จากนั้นจะต้อง มาดูว่าเอกสารมี พยานหลักฐานอะไรบ้างที่จะดำเนินการ ก็จะเข้าสู่กระบวนการของ ป.ป.ช." ประธาน ป.ป.ช. กล่าว

ประธาน ป.ป.ช.ยืนยัน ไม่หนักใจในการทำคดี แม้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเป็นตำรวจรุ่นน้อง เพราะทุกอย่างต้องขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐาน และที่สำคัญคือเราต้องให้ความเป็นธรรม พร้อมย้ำว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบเนื่องจากเป็นเรื่องที่สำคัญและประชาชนให้ความสนใจ ป.ป.ช.จะต้องทำให้ชัดเจนและมีความโปร่งใส

 

ส่วนกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาประกอบการพิจารณาหรือไม่นั้น ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยื่นข้อมูลมา หากส่งมาป.ป.ช.ก็จะพิจารณา แต่เรื่องที่ปรากฏเป็นข่าว ยังไม่มีข้อมูลมา แม้บางเรื่องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษแต่ข้อมูลยังไม่มาที่ ป.ป.ช. ก็ยังไม่สามารถพิจารณาได้

 

ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบจริยธรรม สส.ก้าวไกล ทั้ง 44 คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายประมวลอาญามาตรา 112 นั้น ขณะรี้ได้ดำเนินการอยู่ มีหลายเรื่องที่ต้องตรวจสอบไปพร้อมกัน ซึ่งกรอบเวลาในการดำเนินการตามกฏหมาย ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่เกิน 2 ปีและสามารถขยายเวลาได้ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งป.ป.ช. พยามจริงจังกับกรอบเวลา คาดว่าผลที่ออกมาน่าจะใกล้เคียงกัน 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ