หลายคนคงคุ้นตากับพระเอกชาวอเมริกัน "Robert Pattinson (โรเบิร์ต แพตทินสัน)" ที่เคยฝากผลงานไว้อย่างมากมาย อาทิ "เซดริก ดิกกอรี" หนึ่งในพ่อมดหนุ่มสุดหล่อ "Harry Potter" และเจ้าของบทแวมไพร์เท่กระชากใจ "Twilight" แต่ก็ต้องก้าวสู่จุดดิ่งของชีวิต และมาโชกโชนอีกครั้ง
ในช่วงเริ่มแรกของการเข้าวงการ "Robert Pattinson" บอกเลยว่า คิดเลิกเป็นนักแสดง ผลพวงมากจากการแสดงในเรื่อง "Little Ashes" ภาพยนตร์สเปน ซึ่งฉายในปี 2008 ช่วงเวลาเดียวกับที่เริ่มต้นในบทบาทอันสร้างชื่ออย่างแวมไพร์หนุ่มสุดเท่ในภาพยนตร์ "Twilight"
ตอนนั้น Robert ต้องแสดงเป็น "Salvador Dali" ศิลปินชื่อดัง ที่มีชื่อเสีนงด้านศิลปะแนว Surrealism (ลัทธิหนึ่งของงานจิตรกรรม นิยมเขียนเรื่องเกี่ยวกับความฝัน หรือ อารมณ์คิดคำนึงที่ไม่ใช่ธรรมชาติ) บทบาทที่เล่นนั้นต้องถ่ายทอดชีวิตรัก ตามบทกวี Federico Garcia Lorca ที่แสดงโดย Javier Beltran
Robert เคยให้สัมภาษณ์ในกับนิตยสารของเยอรมนี "ใบหน้าที่สำเร็จความใคร่ ถูกจดจำไปชั่วนิรันดร์" โดยฉากที่ต้องช่วงตัวเองในหนังเรื่องนี้ เป็น ฉากที่เขาช่วยตัวเองต่อหน้ากล้อง และทีมงานจริงๆ ซึ่งหลายคนก็ถามว่า ทำไมเขาไม่แสดงเป็นเหมือนว่า สำเร็จความใคร่ เฉกเช่นเดียวกับที่นักแสดงคนอื่นเคยทำ เขาให้คำตอบว่า การแกล้งทำเป็นถึงจุดสุดยอด มันไม่ได้ผล" ทั้งนี้ เขายังเคยให้สัมภาษณ์ว่า การเล่นฉากแนวติดเรทนับครั้งถ้วนแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกเอียน โดยเขาเคยแสดงฉากช่วยตัวเองแบบจริงๆมาหลายครั้ง ในภาพยนตร์ถึง 5 เรื่องด้วยกัน ได้แก่
- Little Ashes (2008)
- High Life (2018)
- Damsel (2018)
- The Lighthouse (2019)
- The Devil All the Time (2020)
เขาเคยเปิดใจว่า "ภาพยนตร์ The Lighthouse มีฉากหนึ่งที่เขาต้องทำแบบนั้นโดยที่ต้องนึกถึงรูปร่างของนางเงือก และยังต้องแสดงฉากแบบนี้ในเรื่อง High Life ตามมาด้วย Damsel และใน The Devil All the Time ที่ต้องเล่นฉากนี้ 4 ครั้ง"
ชีวิตในวงการบันเทิงของ Robert Pattinson
Robert และเข้าวงการตอนอายุ 17 ปี บทที่เริ่มทำให้เป็นที่รู้จักคือ "Cedric Diggory" ในภาพยนตร์ "Harry Potter and the Goblet of Fire (2005)" และกวาดชื่อเสียงสูงสุดจากบท "Edward Cullen" จากหนังแฟรนไชส์ "Twilight" และก้าวสู่การแสดงหนังอินดี้ที่ในช่วงนั้นถูกวิจารณ์หนัก อีกทั้ง Robert เคยเป็นหนึ่งในตัวเรื่องอันดับหนึ่งของบท "Christian Grey" ในภาพยนตร์ "Fifty Shades of Grey"
ชีวิตปัจจุบันของ Robert Pattinson
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เขากลับมาสร้างชื่อในตัวเองอีกครั้งจากบทบาทของ "The Batman (2022)" ที่กำลังอยู่ในระหว่างถ่ายทำภาคต่อไป และขึ้นแท่นเป็น "ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อที่สุดในโลก" ตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยมีค่าเฉลี่ยจากการคำนวณสูงถึง 92.15% ตามหลักทฤษฎี The Golden Ratio of Beauty Phi ที่เหล่าจิตรกรยุโรปในยุค Renaissance นิยมใช้กัน ถือเป็นนิยามความงามสมบูรณ์แบบตามคติของกรีกโบราณ และเพิ่งจะมีลูกสาวคนแรกกับนักแสดงคนดังอย่าง "Suki Waterhouse"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง