Lifestyle

โดนชายลึกลับ...ขู่กรรโชกทรัพย์

เปิดซองส่องไทย : โดนชายลึกลับ...ขู่กรรโชกทรัพย์ : โดย...ลุงแจ่ม

 
                                คดีขู่กรรโชกทรัพย์โดยอ้างเฉี่ยวชนรถมอเตอร์ไซค์ เมื่อเร็วๆ นี้ เวลาประมาณ 10.30 น. ข้าพเจ้ากำลังขับรถส่วนตัวจะไปทำธุระ จากวัดสมรโกฏิ มาจนถึงทางเลี้ยวเข้าถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี พบชายตัวใหญ่ผิวคล้ำสวมหมวกกันน็อก และสวมแว่นตาดำ ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมา เร่งเครื่องขึ้นมาช่วงที่รถข้าพเจ้ากำลังจะเลี้ยวซ้ายพอดี และได้เบียดเอาแฮนด์รถจักรยานยนต์กับข้างประตูรถให้เกิดรอยขูดขีดเล็กน้อย แล้วบีบแตรเสียงดังไล่ตามข้าพเจ้าไม่ลดละ 
 
                                ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่ามีอะไรกันแน่ จึงขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนถึงถนนพิบูลสงคราม แล้วชายคนดังกล่าวจึงเอารถจักรยานยนต์มาจอดเทียบที่ข้างรถ แล้วหาว่าข้าพเจ้าชนรถเขาล้มลงอย่างรุนแรง และเขาได้รับบาดเจ็บด้วย ชายดังกล่าวอ้างเป็นทหารจะไม่เอาเรื่องแต่ต้องให้ข้าพเจ้าลงมาคุยตกลงกันให้ได้ ข้าพเจ้าจึงเอารถจอดปิดปากซอยพิบูลสงครามไว้ เผื่อว่าอาจมีคนอื่นมาพบเห็นข้าพเจ้า ถ้าถูกคนขับรถจักรยานยนต์ทำร้าย ชายคนดังกล่าวบอกให้ไปจอดที่อื่น (เห็นว่ามีคนมากมองดูอยู่) ข้าพเจ้าจึงขับรถไปจอดในปั๊มน้ำมันแทน
 
                                และบอกให้เขาเข้าไปคุยกันในปั๊มน้ำมัน แต่ชายคนดังกล่าวเขาไม่ยอมเข้าไปในปั๊มน้ำมันตรงนี้ คงจอดรถจักรยานยนต์อยู่ริมถนนหน้าปั๊มน้ำมัน (ภายหลังจึงรู้ว่าภายในปั๊มน้ำมันแห่งนี้มีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้เป็นจำนวนมาก) ข้าพเจ้าตกใจมากไม่รู้ว่าไปชนรถชายคนดังกล่าวล้มลงตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ จึงได้กล่าวขอโทษไปหลายครั้ง และจะขอรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้ 
 
                                แต่ชายคนดังกล่าวบอกไม่เป็นไรเป็นทหารอดทนได้ไม่ต้องรักษา ข้าพเจ้าไม่สบายใจจะขอตรวจดูบาดแผลที่ขา (ตามที่เขาอ้าง) เขาก็ไม่ยอมให้ตรวจดู แต่ให้ชดใช้ความเสียหายรถจักรยานยนต์ที่ซื้อมาราคา 90,000 บาท โดยให้เปลี่ยนตัวถังรถใหม่ทั้งคัน ข้าพเจ้ากำลังงงอยู่ จึงตรวจดูรถจักรยานยนต์พบว่าเป็นการเอาอะไรไปขูดสีรถให้ดูเหมือนกับล้มทั้งแถบ แต่ไม่มีรอยบุบหรือรอยยุบเข้าไปหรือฉีกขาดแม้แต่น้อย 
 
                                ข้าพเจ้าจึงเสนอชายคนดังกล่าวว่า จะซ่อมทำสีรถจักรยานยนต์ให้ทั้งคัน ชายดังกล่าวไม่ยอมอ้างว่าเสียเวลา ต้องไปรับส่งลูกของเจ้านายทหารใหญ่คนหนึ่ง ระหว่างที่ตรวจรถจักรยานยนต์อยู่ก็ไม่พบเห็นทะเบียนรถจักรยานยนต์เลยทั้งข้างหน้าและข้างหลัง จึงถามชายคนดังกล่าวว่าแล้วทะเบียนรถหายไปไหน เขาอ้างว่าหายไปตอนล้มลง พร้อมกับพูดว่าตอนที่กำลังโมโหอยู่เกือบจะเอาปืนออกมาไล่ยิงข้าพเจ้าแล้วนะ พูดแบบนี้หลายครั้งมาก ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าเกิดความตกใจทำอะไรไม่ถูก เลยพูดกับเขาว่า "ขอโทรศัพท์แจ้งให้ลูกชายทราบเรื่องก่อนนะ” แล้วเดินเข้าไปในปั๊มน้ำมันพร้อมกับโทรแจ้ง 191 และแจ้งให้คนในปั๊มน้ำมันทราบเรื่องที่เกิดขึ้น 
 
                                พอออกมาหน้าปั๊มชายคนดังกล่าวได้ขับรถจักรยานยนต์หนีหายไปแล้ว จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนนทบุรี ตำรวจบอกว่าคุณโชคดีที่ไหวตัวทันคนร้าย ตำรวจบอกลักษณะชายคนดังกล่าวได้ถูกต้องตามที่ข้าพเจ้าพบเห็น โดยชายคนดังกล่าวนี้ได้ก่อคดีมาหลายครั้งแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะรวบตัวอยู่แต่ยังจับไม่ได้ (มีใบแจ้งความถ้าต้องการ) ยินดีเปิดเผยรายละเอียด จึงอยากให้ลุงแจ่มช่วยตรวจสอบหรือสอบถามไปยัง สภ.เมืองนนทบุรี ให้ด้วยว่าความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว และให้เผยแพร่เพื่อให้ประชาชนที่เจอเหตุการณ์แบบข้าพเจ้าให้ระวังตัวเอาไว้ด้วย อย่าได้ตกเป็นเหยื่อของพวกมัน
 
 
อนุชิต / นนทบุรี
 
 
ตอบ
 
 
                                พ.ต.ต.วัชรพงษ์ สิทธิรุ่งโรจน์ สว.สส.สภ.เมืองนนทบุรี ชี้แจงว่า กรณีการเกิดเหตุเฉี่ยวชนกัน ก็ต้องให้ผู้เสียหายดำเนินการจ้งความในทันที แต่ในลักษณะที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดต่อผู้เสียหายว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมีความเป็นมาเป็นอย่างไร และทางปั๊มมีกล้องวงจรปิด ก็จะยิ่งง่ายแก่การหาตัวผู้กระทำความผิด
 
                                ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการให้ โดยจะดูบริเวณที่ใกล้เคียง ตรวจหาพยานบุคคล เพื่อหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย แต่เรื่องนี้ยังไม่เคยได้รับแจ้งเรื่องมาก่อนเลย แต่ทางผู้ร้องเรียนบอกว่าได้มาแจ้งเรื่องไว้แล้วที่ สภ.เมืองนนทบุรี ก็จะเร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสอบสวนค้นหาสำนวน และจะเร่งหาตัวผู้หลอกลวงมาสอบถามในการกระทำครั้งนี้ว่ามีเจตนาอะไรแอบแฝงหรือมีเจตนาหลอกลวง 
 
                                สว.สส.สภ.เมืองนนทบุรี บอกว่า อยากให้ผู้ร้องเรียนเข้ามาพบอีกครั้ง เพื่อสอบถามข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับชาวบ้านคนอื่นๆ อีกต่อไป
 
 
ลุงแจ่ม
 
 
 
ต้องชำระหนี้แทน 
 
 
                                ดิฉันมีเรื่องอยากทราบค่ะ คือว่า ดิฉันได้ค้ำประกันให้เพื่อนเพื่อซื้อบ้าน เนื่องจากเพื่อนค้าขายแต่ดิฉันทำงานบริษัทก็เลยอยากช่วยเพื่อน ดิฉันเห็นว่า บ้านราคาไม่สูงมาก และเพื่อนก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จึงตัดสินใจค้ำประกันให้ 
 
                                ปรากฏว่า เวลาผ่านไป 4 ปี ดิฉันก็ไม่ได้ติดตามอะไร แต่คิดว่าเพื่อนคงส่งมาตลอดจึงไม่มีปัญหา แต่พอเริ่มเข้าสู่ปีที่ 5 ปรากฏว่า เพื่อนของดิฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และพอเริ่มเข้าปีที่ 6 ดิฉันก็ได้รับจดหมายให้ไปขึ้นศาล เนื่องจากครอบครัวของเพื่อนได้ติดค้างหนี้ชำระบ้านไว้ ซึ่งก่อนหน้านั้นดิฉันไม่ทราบมาก่อนเลย มาทราบอีกทีก็เมื่อมีหมายศาลให้ไปขึ้นศาลนี่เอง จึงรู้สึกร้อนใจมาก เพราะไม่คิดว่า การช่วยเหลือเพื่อนแบบหวังดี จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนในช่วงนี้ 
 
                                อยากทราบว่า กรณีนี้ ดิฉันควรจะต้องไปด้วยหรือไม่ หรือว่าควรจะทำอย่างไร แล้วดิฉันต้องร่วมใช้หนี้ด้วยหรือเปล่า 
 
 
ดาว
 
 
ตอบ
 
 
                                ศูนย์ปรึกษากฎหมายชุมชน อาจารย์ปราชญา  อ่อนนาค คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต แนะนำว่า จากข้อมูลที่ให้มาไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้เพื่อนของคุณได้ใช้ชื่อซื้อบ้านคนเดียว หรือ มีผู้กู้ร่วมด้วย เพราะถ้ามีการกู้ร่วมด้วย ในกรณีนี้เจ้าหนี้ต้องตามหนี้จากผู้ที่มีชื่อกู้ร่วมกับเพื่อนของคุณก่อน เนื่องจากว่าคนคนนั้นเป็นลูกหนี้คนที่หนึ่ง ส่วนคุณเป็นลูกหนี้คนที่สอง แต่ถ้าเพื่อนคุณเป็นคนซื้อบ้าน แล้วมีชื่อเพื่อนเพียงคนเดียว กรณีอย่างนี้ เจ้าหนี้ก็ต้องตามทวงหนี้เอากับคุณแต่เพียงผู้เดียว ในฐานะที่คุณเป็นผู้ค้ำประกันให้ เพราะไม่สามารถตามจากลูกหนี้คนที่หนึ่งได้อีกแล้ว  
 
                                ตามกฎหมายแล้ว เรื่องของการค้ำประกัน ในฐานะที่เป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นลูกหนี้คนที่สอง หากเจ้าหนี้ตามลูกหนี้คนที่หนึ่งไม่ได้ ก็ต้องตามทวงหนี้เอากับลูกหนี้คนที่สอง จึงยากที่จะปัดความรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ 
 
                                กรณีนี้ แนะนำว่า ทางที่ดีควรไปตามวันเวลาที่มีหมายศาลมาให้ไปขึ้นศาล เพื่อจะได้รู้ว่า จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ และศาลจะให้ความเป็นธรรมกับคุณ เพราะถ้าคุณไม่ไปตามศาลนัด แลัวมีการตัดสินฝ่ายเดียว จะยิ่งทำให้คุณเสียเปรียบ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พร้อมกับไม่ได้ชี้แจงข้อมูลให้ศาลรับทราบด้วย 
 
                                เพราะอย่างไรเสีย ในฐานะคนค้ำประกันคุณปัดความรับผิดชอบในเรื่องนี้ไม่ได้ 
 
 
ลุงแจ่ม     
 
 
 
 
 
 
 

ข่าวที่น่าสนใจ