ข่าว

ย้อน 'คดีหุ้นสื่อ' จาก 'ธนาธร' ถึง 'อุ๊งอิ๊ง-พิธา' กลเกมนักเลือกตั้ง

ด้อมส้ม-แดง แทบซวนเซ เมื่อนักร้อง ยื่น กกต.สอบ 'อุ๊งอิ๊ง-พิธา' ถูกกล่าวหามีเอี่ยวถือหุ้นสื่อ ขาดคุณสมบัติผู้สมัคร สส. ย้อนอดีตนักการเมือง พัวพัน 'คดีหุ้นสื่อ' มีใครบ้าง?

อูณหภูมิการเมืองร้อนฉ่า ก่อนเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค. 2566 เมื่อ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 ขอให้ตรวจสอบว่า ‘ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล(ก.ก.)ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่

 

เรืองไกร อ้างว่า พบข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่า ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV โดยเจ้าตัวได้ออกมายอมรับเรื่องชื่อผู้ถือหุ้นอยู่ใน บมจ.ไอทีวี และเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อ ตามข้อมูลที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงไว้ และรายงานการประชุมของบริษัทเมื่อ 26 เม.ย. 2566 จึงถือว่าองค์ประกอบต่าง ๆ ครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว

 

‘พิธา’ ถูกร้องในช่วงกระแสพรรคก้าวไกลนำโด่ง ทิ้งห่างหลายพรรคการเมือง อีกทั้ง “ทิม พิธา” วัย 42 ปี ไม่เพียงแต่เป็น ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 1 ของพรรคก้าวไกล แต่ยังเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพียงหนึ่งเดียวของพรรค อีกด้วย แน่นอนบรรดา ‘ด้อมส้ม’ อาจจะเสียอาการไปบ้าง

ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

 

“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย เป็นอีกคนที่ ถูก “นักร้อง” ยื่นตรวจสอบปมถือหุ้นบริษัทเอสซี แอสเสท จำกัด(มหาชน) จำนวน 1,216,149,807 หุ้น โดยอ้างว่าวัตถุประสงค์การทำธุรกิจของ “เอสซี แอสเสท” อย่างน้อย 5 ข้อ อาจเข้าข่ายเป็นกิจการสื่อมวลชน

 

นอกจาก “อุ๊งอิ๊ง” ยังมีผู้สมัคร สส. ในศึกเลือกตั้ง 2566 อีกอย่างน้อย 130 คน ถูก กกต.กล่าวหาปม “ถือหุ้นสื่อ” ตามที่ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร สส.นครนายก เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อ้างถึง ภายหลังเจ้าตัวโดน กกต.นครนายก ตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ปมถือหุ้น “เอไอเอส” 

อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

 

2 พ.ค. 2566 ศาลฎีกาสั่งคืนสิทธิ์ให้ “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” ลงสมัคร สส.ได้ชี้กกต.นครนายก ตีความปมถือหุ้น AIS ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และไม่ชอบด้วยกฏหมายรัฐธรรมนูญ

 

ย้อน‘คดีหุ้นสื่อ’เจ้าของสถานีวิทยุชุมชน

ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ปี2562 มีนักการเมืองถูกร้อง “คดีหุ้นสื่อ”จำนวนมาก แต่ในจำนวนนี้ มีเพียง 'นายรวิพล หินผาย' เป็นผู้สมัคร สส. จ.อุดรธานี พลังท้องถิ่นไท เพียงรายเดียวที่ กกต.วินิจฉัยขาดคุณสมบัติก่อนประชาชนจะใช้สิทธิเลือกตั้ง  เนื่องจากเป็นเจ้าของสถานีวิทยุชุมชน เป็นการถือหุ้นสื่อมวลชน

นายรวิพล หินผาย ถุกกกต.เพิกถอนสิทธิลงสมัคร สส.

 

โดยไม่มีข้อโต้แย้งว่าไม่ได้เป็นเจ้าของคดีนี้ต่างจากผู้สมัคร สส.บางรายที่ถือหุ้นในบริษัทที่จดบริคณห์สนธิแจ้งวัตถุประสงค์บางข้อทำสื่อ แต่ความจริงทำธุรกิจอื่น ซึ่งเป็นปัญหาถูกร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง และศาลรัฐธรรมนูญ ในขณะนี้ว่า ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้สมัคร สส.หรือไม่?

 

นายรวิพล หินผาย ผู้สมัคร สส. จ.อุดรธานี เขต 3 พรรคพลังท้องถิ่นไท ถือหุ้นและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด รวิพลเรดิโอ ทำวิทยุชุมชน ถูก กกต.ไม่ประกาศรับรองรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. นายรวิพล ได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แต่ปรากฎว่าวันที่ 8 มี.ค.2562 ศาลฎีกายกคำร้อง

 

ยกฟ้อง‘คดีถือหุ้นสื่อ’

คดีเพิกถอนชื่อผู้สมัคร สส.ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 อันเนื่องมาจากขาดคุณสมบัติ กรณีเป็นเจ้าของ ถือครองหุ้นสื่อมวลชนได้แก่

  • คดีนายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร สส. สกลนคร พรรคอนาคตใหม่ 
  • นายคมสัน ศรีวนิชย์ ผู้สมัคร สส.อ่างทอง เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคประชาชาติ 
  • นายทวีป ขวัญบุรี ผู้สมัคร สส. เขตเลือกตั้ง 1 จ.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ 
  • นายติณณ์ ศรีงาม ผู้สมัคร สส.กำแพงเพชร เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคนาคตใหม่ 
  • นายอรชุน ประสิทธิ์สมบัติ ผู้สมัคร สส.อ่างทอง พรรคประชาธิปัตย์ 
  • นายสุวัฒน์ชัย สวัสดี ผู้สมัคร สส. จังหวัดนครราชสีมา เขต 1 พรรคความหวังใหม่ 
  • คดีนายวิวิธชิตวัน สุวรรณรัตน์ ผู้สมัคร สส.สงขลา เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคประชาธรรมไทย 

 

ผู้สมัคร สส. ทั้ง 7 รายศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิพากษาเมื่อวันที่ 4-19 มี.ค.2562 ว่า คำสั่งไม่ประกาศรับรองชื่อผู้สมัครของกกต.เป็นไปโดยชอบ ยกคำร้องคัดค้านของผู้ร้อง

 

‘ธนาธร’ติดบ่วง‘คดีหุ้นสื่อ’ดับฝันพ่อของฟ้า ลามสส.ทั้งสภา

หลังเลือกตั้งใหญ่ 25 มี.ค. 2562 ได้เพียง 2 วัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกกต. ให้ตรวจสอบการถือหุ้นสื่อของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ที่ห้ามผู้เป็น สส.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่

นายพิธา และ นายธนาธร

 

16 พ.ค. 2562 กกต. มีมติเอกฉันท์ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของ “ธนาธร” ให้สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 82 วรรคสี่ 

 

ด้วยพยานหลักฐาน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ “ธนาธร” ถือหุ้น เป็นบริษัทที่ระบุวัตถุประสงค์ในการยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ว่า ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน เมื่อพิจารณาจากงบการเงินของบริษัทพบว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร ให้บริการโฆษณาถือเป็นการประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชนและยังคงประกอบกิจการอยู่ ไม่มีการจดทะเบียนยกเลิกบริษัทหรือเสร็จการชำระบัญชี

 

ขณะที่สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น หรือ บอจ. 5 ที่ กกต.ได้รับจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังปรากฏชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 2558 จนถึงวันที่ 21 มี.ค. 2562 เมื่อ กกต.ประกาศเปิดสมัครรับเลือกตั้ง สส.วันที่ 4-8 ก.พ. 2562

 

"คดีถือหุ้นสื่อ" ของ “เอก-ธนาธร” เป็นเหตุให้พรรคอนาคตใหม่(ขณะนั้น)ยื่นหนังสือให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งรายชื่อ 41 สส. พรรคฝ่ายรัฐบาลให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แบ่งเป็น 2 ล็อต ล็อตแรก 30 คน ยื่นเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2562 ล็อตสอง 11 คน ยื่นเมื่อ 6 มิ.ย.2562

 

ฝ่ายค้านรอด ยกเว้น‘ก้าวไกล’ไม่รอด

28 ต.ค. 2563 ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง โดยวินิจฉัยในส่วนของ สส.ฝ่ายรัฐบาล 32 คนก่อน เห็นว่า สส.จำนวน 29 คน ไม่ได้ประกอบกิจการธุรกิจสื่อ และหนังสือพิมพ์ตามคำร้องมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)

 

ขณะที่จำหน่ายคดีอีก 3 ราย คือ 1. พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 2.ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และ 3.นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ เนื่องจากพ้นสมาชิกภาพ สส.ไปแล้ว

 

ส่วน 32 สส.ฝ่ายค้านนั้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีของนายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ สส.พรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติ สส. เนื่องจากถือหุ้นในบริษัทประกอบกิจการสื่อขัดรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งสังกัดพรรคอนาคตใหม่ แม้โอนหุ้นแล้วยังพบข้อพิรุธ และไม่ชี้แจงข้อเท็จจริง

 

ศาลฯ สั่งจำหน่ายคดี 3 รายคือ 1.พล.ท.พงศกร รอดชมภู 2.นายสุรชัย ศรีสารคาม และ 3. นายชำนาญ จันทร์เรือง เนื่องจากพ้นสมาชิกภาพส.ส.ไปแล้ว

 

ส่วน 28 สส. ฝ่ายค้านศาลยกคำร้อง เนื่องจากไม่ได้ประกอบกิจการธุรกิจสื่อมวลชน และหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด

 

คดีถือหุ้นสื่อ บริษัทวีลัค มีเดียจำกัด จนเป็นเหตุให้ “ธนาธร” พ้นตำแหน่งสส.ปี2652 อาจจะมีข้อเท็จจริงแตกต่างไปจาก “อุ๊งอิ๊ง” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เพราะ “เอสซี แอสเสท” เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ต่างจาก “วีลัค มีเดีย” ทำธุรกิจสิ่งพิมพ์โดยตรง

 

ทั้ง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร และ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ถูกกล่าวหา คดีถือหุ้นสื่อ ส่วนใครจะลิ่ว หรือร่วง หรือมีผลต่อการเลือกตั้ง 2566  หรือไม่ รอลุ้นการวินิจฉัยของกกต. 

 

...กมลทิพย์ ใบเงิน..เรียบเรียง

 

ข่าวยอดนิยม