ข่าว

พิธา-ชัยธวัช ประสานเสียง ปลุกใจชาวลำพูน อย่าหวั่นไหวปมยุบพรรค

ก้าวไกลเปิดตัว "เฮง วีระเดช" ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน "พิธา-ชัยธวัช" ประสานเสียง ปลุกใจชาวลำพูน อย่าหวั่นไหวปมยุบพรรค เชื่อหลัง 7 ส.ค. เดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลง

19 ก.ค. 2567 ที่หน้าห้างศูนย์การค้าแจ่มฟ้าช้อปปิ้งมอลล์ จ.ลำพูน พรรคก้าวไกล จัดเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และสส.ของพรรค ร่วมกันเปิดตัว นายวีระเดช ภู่พิสิฐ หรือ เฮง ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน โดยมีประชาชาชาวจังหวัดลำพูนมาฟังการปราศรัย และมอบดอกไม้ ขอถ่ายรูปให้กำลังใจ
 

ชัยธวัช ปลุกใจชาวลำพูนปมยุบพรรค ย้ำ ไม่ใช่เวลาหวั่นไหว

 

นายชัยธวัช กล่าวบนเวทีว่า ช่วงนี้ไปไหนก็มีแต่คำถามยอดฮิตว่า 7 ส.ค. จะเป็นอย่างไร จากนั้นได้ขอเสียงมวลชนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลที่มาฟังการเปิดเวทีว่า "ใครว่ายุบพรรค? ใครว่าไม่ยุบพรรค? ใครเห็นว่าไม่ยอมให้ยุบก้าวไกล ขอเสียงหน่อย?" พร้อมกล่าวต่อว่า หลายคนอาจจะหวั่นไหว หลายคนเริ่มรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ แต่ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อยากบอกกับชาวลำพูนว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่จะต้องหวั่นไหว และไม่ใช่เวลาที่จะมาไม่มั่นใจ

เพราะหลังวันที่ 7 ส.ค. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อนาคตข้างหน้ามีแต่สว่างไสวกว่าเดิมแน่นอน  และนี่เป็นนโยบายที่ให้ไว้กับ สส.ของพรรค และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็มีแผนการที่จะขยายที่ทำการพรรคแล้ว เพราะมั่นใจว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ห้องประชุม สส. ไม่พอมาประชุมจะต้องขี่คอกัน

และขอให้ความมั่นใจอีกครั้งไม่ใช่เวลาที่จะต้องหวั่นไหว เพราะการเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ เราจะเดินหน้าก้าวไกลไปด้วยกันฝ่าฟันอุปสรรค ทำลายทุกกำแพงที่มาขวางกั้น จนกว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะปรากฏ

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล

 

 

ทั้งนี้ หากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ไม่ใช่แค่การเมืองระดับชาติ แต่ต้องการการเปลี่ยนแปลงการเมืองทั้งประเทศ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการเปลี่ยนแปลงที่บ้านเกิดของเราเอง การเมืองท้องถิ่นมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก เพราะ สส.ได้รับคำร้องเรียนจากประชาชน ไม่ต่ำกว่า 80% ต้องใช้อำนาจและบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

พรรคก้าวไกลจึงให้ความสำคัญในการกระจายอำนาจ ยุติระบบราชการรวมศูนย์ และเชื่อว่าจะไม่สามารถยกระดับการบริหารได้อย่างแท้จริงถ้ายังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ เพราะจะไม่มีแรงขับเคบื่อนในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนแต่ละพื้นที่จริงๆ

ดังนั้น ตนเองจึงขอย้ำอีกครั้งว่า 7ส.ค. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน ก้าวแรกที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงคือการสร้างการเมืองท้องถิ่น เริ่มต้นด้วย อบจ. เปลี่ยน อบจ.ลำพูน เป็นสีส้ม และอบจ.ทั่วประเทศ แล้วก้าวไกลไปด้วยกัน

นายชัยธวัช ยังพูดถึงว่าที่ผู้สมัคร นายกอบจ. ด้วยว่า ตั้งแต่เริ่มสร้างพรรคอนาคตใหม่จากศูนย์ ขณะนั้นมีตัวแทนไปจดแจ้งชื่อพรรคการเมือง ไม่ได้เริ่มจากหาผู้สมัครก่อน แต่ต้องการสร้างพรรคเพื่อรวบรวมผู้คนที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงสำหรับคนที่มีแนวทางทางการเมืองตรงกัน ทำให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองจริงๆ และเริ่มต้นด้วยการประกาศว่า หากใครเห็นด้วยให้สมัครเป็นแนวร่วมพรรค ซึ่งมีคนสมัครมาเป็นแนวร่วม 7,000 คน ซึ่งเป็นคนลำพูน 7 คน ถ้วน 1 ในนั้นคือ สส.เขต1 ของพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน และว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.
 

พิธา-ชัยธวัช ประสานเสียง ปลุกใจชาวลำพูน อย่าหวั่นไหวปมยุบพรรค

 

จากนั้นพอเป็นพรรค ก็ช่วยกันสร้างพรรคอนาคตใหม่ และนายวีระเดช มามีบทบาทเป็นหัวหน้าทีมสาขาลำพูนมาโดยตลอด จนอนาคตใหม่ถูกยุบ จนมาเป็นก้าวไกล สาขาแรกของก้าวไกล ก็คือ จ.ลำพูน โดยมีนายวีระเดช เป็นผู้ได้รับความไว้วางใจมาเป็นหัวหน้าสาขามาจนถึงทุกวันนี้จนก้าวไกลประสบความสำเร็จทางการเมือง ปักธงสีส้มในเขต 1 ล้มยักษ์ได้

และเมื่อพรรคก้าวไกลประกาศรับสมัครผู้จะอาสามาเป็นนายก อบจ. ด้วยเหตุผลทำงานในฐานะทีมจังหวัดตั้งแต่อนาคตใหม่ รับเรื่องร้องเรียนและความเดือดร้อนของประชาชนเยอะมาก จนไม่อยากรับเรื่องแต่ขออาสามาแก้ปัญหาด้วยตนเอง ในฐานะนายก อบจ.ลำพูน ทำให้จนสุดท้ายผ่านการสรรหาจากคณะกรรมการ เห็นว่านายวีระเดช เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ก็ยังเป็นว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ. ที่หนุ่มที่สุด มีความรู้ความสามารถความเข้าใจสิ่งที่พี่น้องลำพูนต้องการ

 

"พิธา" มั่นใจ "เฮง วีระเดช" ได้นั่งเก้าอี้นายก อบจ.ลำพูน


ด้าน นายพิธา กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า จุดประสงค์การลงมาที่ลำพูนเพื่อตามหาชัยชนะให้ นายก อบจ. คนต่อไป จากพรรคก้าวไกล สาเหตุที่มั่นใจเกินร้อยว่าจะได้นายวีระเดช จะได้เป็นนายก อบจ. เพราะเลือดความเป็นประชาธิปไตยของชาวลำพูน และความไว้วางใจที่ชาวลำพูนเคยให้พรรคก้าวไกลมา เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาลำพูนกว่า 87% คนลำพูน ออกมาใช้สิทธิมากสุด

และเป็นจังหวัดที่คนมาใช้สิทธิเลือกตั้งถล่มทลายมากสุด เพราะมันอยู่ใน DNA ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากพี่ประชาชนมา 120,000 คะแนน หากเทียบคะแนนคงชนะ นายก อบจ.คนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเมื่อครั้งพรรคอนาคตใหม่ให้มาเพียง 60,000 กว่าคะแนนเท่านั้น แต่สี่ปีผ่านมาได้เพิ่มมาเกือบ 2 เท่า ก่อนจะถามชาวลำพูน ว่า 7 ส.ค.เขาจะยุบเรา จะยอมอีกหรือไม่ ซึ่งชาวลำพูนที่มาร่วมเวทีตอบกลับพร้อมกับว่า “ไม่ยอม”
 

"พิธา" ย้ำ จะยุบหรือไม่ยุบ ไม่ต้องสนใจ

 

นายพิธา กล่าวต่อว่าเขาจะยุบหรือไม่ยุบ ไม่ต้องสนใจ ในหัวตนเองไม่ได้คิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะทำอย่างไร คิดแต่การเลือกตั้ง 3 ครั้งหน้า คิดถึงแคนดิเดตแต่นายกฯ คนถัดไปของพรรคก้าวไกล เราไม่ได้คิดแค่การเลือกตั้งครั้งต่อครั้ง แต่คิดล่วงหน้า 20-30 ปี ขอให้พี่น้องชาวลำพูนไว้ใจและมั่นใจเราเหมือนเดิม การเลือกตั้งได้นายกฯ อาจไม่ตรงปก มี สว.มากั้น แต่การเลือกนายก อบจ.นี้จะตรงปก ไม่มี สว.มากั้น ฉะนั้นการเลือกตั้ง อบจ. จึงมีความสำคัญมาก เพราะเป็นคนใกล้ตัวที่จะแก้ปัญหา "น้ำไหล ไฟสว่าง เดินทางสะดวก"

ทั้งนี้ นายก อบจ. จะเป็นคนมาบริหารภาษีของพี่น้องประชาชน จึงต้องเลือกคนที่มีความสามารถเชื่อใจได้ อยากให้ชาวลำพูนเชื่อใจนายวีระเดชเหมือนที่ตนเองเชื่อใจ  พรรคเราอาจจะไม่ได้ส่งผู้สมัครทุกจังหวัด  การคัดเลือกคน ต้องเป็นคนที่ชนะได้ด้วยและเปลี่ยนได้ด้วย ไม่ใช่ต้องการ 30-40 คน เพื่อไปเอางบประมาณ 30,000 กว่าล้านแล้วเอางบประมาณมาใช้  เพราะ อบจ.คือก้าวแรก หากทำให้เสียชื่อ เลือกตั้งอีก 3 ปีข้างหน้า ประชาชนอาจจะไม่เลือกก้าวไกลอีก

"ผมขออภัยที่บางจังหวัดไม่ได้ส่ง เราเน้นคุณภาพก่อนปริมาณ ชนะแน่แต่จะเปลี่ยนหรือเปล่า ต้องชนะและเปลี่ยนด้วย เพราะนี่คือนายกฯน้อย ไม่ใช่นายกฯ นิด เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนเลือกมาต้องไม่ผิดหวังสามารถแก้ไขปัญหาได้"

นายพิธา กล่าวต่อว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว บางจังหวัดน่ากลัว ประมาทไม่ได้ ยกตัวอย่างปทุมธานี  เพราะการเลือกตั้งระดับประเทศมีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ แต่การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นสิ่งที่น่ากลัว จะชนะเลือกตั้งได้ พรรคก้าวไกลต้องเป็นเศษที่ออกมาเยอะและประชาชนต้องเป็นส่วนที่ออกมาเยอะเช่นกัน

สำหรับ อบจ.ลำพูน ไม่น่าห่วง เพราะคนออกมาใช้สิทธิเยอะเป็น DNA ของลำพูน ไม่ว่าใครจะมาเอาออกไปไม่ได้  หากการเลือกตั้ง อบจ.ในปีหน้า ขอให้จดปฏิทินไว้ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ไปเลือกให้ได้เหมือนที่เลือกตนเองเป็นนายกฯ ปีที่แล้ว

นอกจากนี้นายพิธา ยังกล่าวว่าการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนต้องทำงานอย่างไร้รอยต่อระหว่างจังหวัด และสภาผู้แทนราษฎร จึงมีความหวังว่าเวลานายก อบจ.พรรคก้าวไกลจะต้องมี 4 เสาหลัก ในการทำงาน ประกอบด้วย เศรษฐกิจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข ซึ่งตนเองจะช่วยแนะนำเนื้อหาในแต่ละจังหวัด หากแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ชีวิตพี่น้องประชาชนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ต้องเกาให้ถูกที่คัน และการเปลี่ยนแปลงต้องจับต้องได้ไม่ใช่นโยบายลอยๆ

นายพิธา กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจของจังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อประชากรสูงที่สุดในภาคเหนือ ขณะเดียวกันมีอัตราฆ่าตัวตายอันดับหนึ่งของประเทศไทย และคนรุ่นใหม่ในจังหวัดลำพูนมีสัดส่วนน้อยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในภาคเหนือ สัดส่วนคนอายุ 18-25 ปีในลำพูนคิดเป็น 5% เท่านั้น

ส่วนการศึกษาของคนลำพูน จะต้องพร้อมรับกับเศรษฐกิจที่เติบโต 4-5% เป็นสิ่งที่นายก อบจ. คนต่อไปต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้การศึกษาและอุตสาหกรรมเชื่อมกัน ทำให้คนรุ่นใหม่อยากอยู่บ้านไม่อยากอยู่ที่อื่น ตนเองอยากเชิญชวนบริษัทต่างชาติให้มาทำหลักสูตรกับสถาบันการศึกษา เพื่อให้คนลำพูนทำงานในลำพูน เป็นเศรษฐกิจน้ำหยดลงมาหาคนอยู่ลำพูนได้

ส่วนสิ่งแวดล้อม ลำพูนมีโรงงานขยะ 93 แห่ง ไม่ได้มาตรฐาน 92 แห่ง มีขยะปีละหนึ่งแสนกว่าตัน เราขยายเศรษฐกิจแต่ลืมดูเรื่องสิ่งแวดล้อม ส่วนปัญหาสุขภาพจิต รพ.สต.จะต้องดูแลด้านสุขภาพใจคนลำพูนด้วย ทั้งหมดคือความต่างของ อบจ.ก้าวไกล

"วันนี้ปีที่แล้วมีคนเอาหุ้นสื่อมายัดใส่หน้าผม และผมก็ชนะกลับมาจนเป็น สส.ได้ พอจะมีเวลากล่าวปราศรัยซัด กกต.หรือไม่" นายพิธา กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะกลับมาเชิญชวนชาวลำพูนให้เลือกผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน พรรคก้าวไกล

 

"เฮง วีระเดช" เชื่อ คว้าชัย เลือกตั้งนายก อบจ.ลำพูน

 

ด้าน นายวีระเดช กล่าวบนเวทีเปิดตัวว่า อบจ.ลำพูน หากเลือกตั้งเมื่อไร เป็นสีส้มแน่นอน พร้อมเล่าที่มาที่ไปตั้งแต่เข้ามาเป็นแนวร่วมพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในขณะนั้นชอบแนวทางในการรับสมัคร สส.ด้วยระบบไพรมารี่โหวต และตั้งแต่ได้รับการติดต่อจากนายชัยธวัช ก็ร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่รับเรื่องร้องเรียนต่างๆ จนกระทั่งพรรคถูกยุบ และก้าวต่อมาเป็นก้าวไกล

หน้าที่ของตนเองก็คือฟังเรื่องร้องเรียน และทำให้เห็นความเจ็บปวดของชาวบ้าน ซึ่งเขต 1 ไม่มี สส. แม้ไม่ได้มีอำนาจแต่ก็ไปรับฟังปัญหาในพื้นที่ ซึ่งบางปัญหาที่ต้องแก้ระดับชาติ แต่บางปัญหาก็ต้องแก้ด้วยท้องถิ่น และเมื่อไม่มีคนแก้ ตนเองก็ขออาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้กับประชาชน

พร้อมให้เหตุผล และพูดุถึงนโยบายของอบจ.ลำพูนโดยชูนโยบายแรก คือ การศึกษาก้าวไกล เพราะอยากให้ลูกหลานทุกคนได้เรียนหนังสือกับครูเก่งๆ มีรูปแบบการสอนใหม่ๆ เรียนออนไลน์ ใช้ได้จริง และเนื่องจากพื้นที่จังหวัดลำพูนมีภาคอุตสาหรรม ก็เพิ่มหลักสูตรทางวิชาชีพเข้ามาในหลักสูตรสามัญ จะได้เสริมสร้างทักษะอาชีพไปด้วย /เพิ่มงบทุนการศึกษา และทิ้งท้ายว่า "จะไม่มีนักการเมืองคนไหนเป็นเจ้านายประชาชน แต่นักการเมืองจะมีประชาชนเป็นเจ้านาย"

 

นายวีระเดช ภู่พิสิฐ หรือ เฮง ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.ลำพูน

ข่าวยอดนิยม