บันเทิง

วัฒนธรรมดีงาม

วัฒนธรรมดีงาม : พริกกะเกลือ โดย... นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ [email protected] https://www.facebook.com/NithinandY

           คนไทยจำนวนไม่น้อยดูจะเดือดร้อนทุกครั้งที่มีข่าวว่าใครสักคนทำอะไรสักอย่างให้วัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยต้องเสื่อมเสีย น่าอับอายขายหน้า เช่น ข่าวฝรั่งทำโฆษณาโดยใช้พระพุทธรูป ข่าวพริตตี้โชว์นม ข่าวสมาชิกรัฐสภาดูคลิปโป๊อย่างไม่ระมัดระวัง จนกลายเป็นข่าวประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ และข่าวนายกฯ หญิงดื่มน้ำส้มในวงสาเก เป็นต้น
 
          ความจริง เรื่องที่ยกตัวอย่างมาไม่น่าตื่นตกใจสักเรื่อง แต่มันก็เป็นประเด็นใหญ่มากสำหรับผู้คนที่หวงแหนวัฒนธรรมไทยอันดีงามและชื่อเสียงของประเทศ น่าตั้งคำถามมากว่า อะไรคือวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทย หรือ อะไร และ ทำไม จึงเป็นเหตุให้สังคมไทยเสียหายเสียหน้า ทั้งหมดที่หงุดหงิดกันอยู่นั้น คือความเสียหายเสียหน้าจริงๆ หรือความเสียหายเสียหน้าที่เป็นภาพลวงตาจากการโฆษณาชวนเชื่อหรือจากจินตนาการที่เพิ่งสร้างขึ้นไม่กี่ปีมานี้

          หลายคนที่เชื่อว่า ประเทศไทยยิ่งใหญ่ที่สุดในสามโลก หรืออย่างเจียมเนื้อเจียมตัวลงมาสักหน่อยก็คือเป็นพี่ใหญ่ในอาเซียน มักเชื่อกันว่า ไทยคือเจ้าของ “วัฒนธรรม” ทั้งภูมิภาค โดยนัยว่า วัฒนธรรมหมายถึงเรื่องต่างๆ ที่สังคมตามขนบยกย่องกันว่า ดีๆ งามๆ และมีชื่อเสียงด้านดี เช่น การไหว้เป็นของไทย กีฬามวยเป็นของไทย สงกรานต์เป็นของไทย ศาสนาพุทธเป็นของไทย และ ฯลฯ อื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงค่านิยมแต่งตัวไม่โป๊ ซึ่งแสดงความเป็นกุลสตรีแบบไทยๆ แม้ว่านางเอกในวรรณคดีไทยๆ จะโป๊  รวมความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของไทย ยิ่งใหญ่กว่าใคร ดีวิเศษกว่าใคร ด้วยอัจฉริยภาพแบบไทยๆ  
 
          ผู้ที่คิดอย่างนี้หลายคน เมื่อได้ไปเห็นบ้านอื่นเมืองอื่นโดยเฉพาะในเขตโบราณสถาน เช่น นครวัดของขะแมร์ หรือเจดีย์พันๆ องค์ในพุกามของพม่า อาจนึกขึ้นได้บ้างว่า แท้จริงแล้วเราช่างเป็นเด็กน้อยในประวัติศาสตร์ และแม้ปัจจุบันก็มิใช่ผู้ยิ่งใหญ่แต่ผู้เดียว หากหลายคนก็ไม่คิดอะไรเลย นอกจากเห็นแต่ด้านลบของเขาว่า ประเทศเขาร้อนจัง สกปรกจัง อาหารไม่อร่อย สู้บ้านเราไม่ได้ บ้านเราดีกว่าตั้งหลายเท่า 
 
          โลกในสายตาของคนไทยจำนวนหนึ่งคับแคบ คนไทยหลายคนไม่สนใจคิดในเชิงศึกษาเปรียบเทียบเพื่อทำความเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลายของแต่ละประเทศที่แตกต่าง เมื่อพูดถึงบ้านอื่นเมืองอื่น คนไทยมักจะพูดกันว่า เราดีและเจริญกว่าเขาตรงไหนและอย่างไร ในประเด็นที่ฉาบฉวยโดยไม่สนใจสถิติหรือการแสวงหาข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ เช่น คิดเองสรุปเองง่ายๆ โดยไม่ดูบริบทอื่นว่า ประเทศไทยสบายกว่า ข้าวไทยดีกว่า ผู้หญิงไทยสวยกว่า อาหารไทยอร่อยกว่า ค่าแรงประเทศไทยสูงกว่า ฯลฯ
 
          คิดแบบตระกูล “โหดสัส”  บางทีวัฒนธรรมไทยที่เป็นมรดกตกทอดกันมาอย่าง “แข็งทื่อ” ไม่เปลี่ยนแปลง อาจจะเป็นเรื่องของการยกตนข่มท่าน ซุบซิบนินทา หลงตัว ไม่ยอมรับความจริง หน้าไหว้หลังหลอก และ สร้างภาพ
 
          ถ้าดูจากข่าวสารทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะโซเชียล มีเดียในวันนี้ เราจะเห็นว่า สื่อและคนไทยหลายคนเร็วมากในเรื่องการเปรียบเทียบทั้งกับคนชาติเดียวกันและคนต่างชาติว่า เราดีกว่าเขาอย่างไร เขาแย่กว่าเราอย่างไร แม้ว่านัยของคำว่าดีกว่า และแย่กว่า จะยังคลุมเครือ อีกทั้งยังเร็วมากในการตัดสินคนอื่นว่าเลว และก่นด่าคนเลวในทัศนะของเราได้ทุกเรื่อง แม้จะเป็นเรื่องจุกจิก และยกยอคนที่เราชอบไปเสียทุกเรื่อง แม้จะเกินจริงไปมากมาย หลายคนเห็นตรงกันว่า สังคมไทยยิ่งนับวันยิ่งเป็นสังคมดราม่าที่ผู้คนสนใจข้อมูลหรือวิธีคิดอย่างมีเหตุผลน้อยลงทุกวัน
 
          เป็นไปได้ทั้งสองทางว่า อาการดราม่าซุบซิบนินทาหาเรื่องด่าทอในประเด็นจุกจิกที่เหมือนจะได้รับการสนับสนุนส่งเสริมอย่างดีในสังคมไทยปัจจุบัน อาจยิ่งฝังรากลึกในวัฒนธรรมแบบไทยๆ หรืออาจทำให้คนไทยตื่น นึกขึ้นมาได้ว่า หากปล่อยไปอย่างนี้นานๆ เราอาจไม่เหลืออะไรเลย นอกจากความโง่  
.............................
(หมายเหตุ วัฒนธรรมดีงาม : พริกกะเกลือ โดย...  นิธินันท์ ยอแสงรัตน์
[email protected] https://www.facebook.com/NithinandY )

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ