เรียกว่าหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงไปพักใหญ่สำหรับ โอเด็ต เฮนเรียต แจ็คโคมิน ล่าสุดได้เจออดีตนางแบบสาวในงานประกาศรางวัล สยามดาราอวอร์ด ที่โรงละครอักษรา ได้อัพเดทเรื่องชีิวิตในตอนนี้ได้ความว่า
"จริงๆ เราก็อยู่นะเรายังมีชีวิตอยู่ปกติ (หัวเราะ) แต่ว่าแค่ไม่ได้อยู่เมืองไทยเท่านั้นเองตอนนี้อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียตอนนี้เราทำงานด้านอาหารให้กับบริษัทที่เขามีร้านอาหารในเครือ ส่วนงานนางแบบไม่ได้ทำ เพราะว่าตลาดที่โน่นเขาไม่ได้เน้นหน้าแบบนี้ เขาจะชอบผิวเข้ม ”
ช่วงที่หายไปในงานที่ประเทศไทยติดต่อมาบ้างไหม
“มี คือถ้าเราอยู่ที่เมืองไทยพอดีเราก็รับแต่ถ้าเราอยู่ที่ต่างประเทศเราก็ทำไม่ได้ จะให้เราบินไปบินกลับมันก็ไม่คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินของเรา อย่างวันนี้ที่มาก็แวะไปถ่ายรายการแล้วมาเดินพรมเดี๋ยวอีก 2 -3 วันก็จะกลับแล้ว รอบนี้เรามาอาทิตย์เดียว เพราะที่จาการ์ต้าให้วีซ่าเราแค่ 30 วัน เราก็เลยต้องบินกลับมาเมืองไทยทุกเดือน อาจจะอยู่ที่เมืองไทยอาทิตย์หนึ่งบ้าง 5 วันบ้าง คือมาต่อวีซาและบินกลับ”
แบบนี้งานในวงการอาจจะไม่ได้เห็นหน้ายาวๆ ใช่ไหม
“ ใช่ แต่ว่าถ้าเกิดกลับมาแล้วมีงานจ้างมาพอดีเราก็ไปนะ ไม่ใช่ไม่รับงาน เรายังรับงานอยู่เพียงแต่ว่าเราไม่ได้อยู่เมืองไทยตลอดแค่นั้นเอง”
ถามถึงชีวิตคู่ที่เหมือนก่อนหน้านี้เราเคยแต่งงานแล้วก็หย่า
“หย่ากันแล้วเรียบร้อย ก็ดีนะเป็นเพื่อนกันไปดีกว่า คนเราคบหากันอยู่ด้วยกันแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง เราจะไปยื้อทำไมใช่ไหม เราก็ต่างคนต่างเดินต่างไปมีชีวิตเป็นของตัวเองก็แฮปปี้ดีและสบายใจกว่า"
สาเหตุเพราะอะไร
“เพราะเราคุยกันไม่ได้ เราไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอให้ดีก่อน คบกัน 3 เดือนก็แต่งเลย ด้วยความที่เราเป็นคนใจร้อนเราเลยคิดว่าคนนี้ต้องใช่ พอแต่งงานไปอยู่กันไปอยู่กันมาถึงรู้ว่าไม่ใช่ หย่าไปได้เกือบปีแล้ว ส่วนระยะเวลาในการใช้ชีวิตคู่ที่ผ่านมาก็เกือบปีเหมือนกัน คือคบกันปุ๊บเขาขอเราก็แต่งงานกันเลย จริงๆ มันควรจะคบกันสัก1-2ปี ไม่รู้จักนิสัยใจคอกันก่อน แต่ว่าเราเป็นคนใจร้อนแต่งงานกันปุ๊บเราก็ย้ายประเทศไปเลย ”
นอกจากเรื่องนิสัยใจคอหรือยังมีเรื่องอะไรอีกบ้างที่เข้ากันไม่ได้
“เราทะเลาะกันบ่อย อย่างที่บอกเราชอบกันคนละอย่างถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนอีกคนชอบข้าวมันไก่แต่อีกคนหนึ่งดันอยากกินแต่แฮมเบอร์เกอร์ เราก็เลยคิดว่าเฮ้ย ทำไมมันไม่เหมือนกันสักอย่าง เราก็เลยต้องจบความสัมพันธ์ (มีเรื่องทำร้ายร่างกายไหม) อันนี้ไม่พูด แต่มีคนถามกันแบบนี้กันทุกคนเลย”
เหมือนก่อนหน้านี้เรามีน้องกับสามีคนเก่าแล้ว
“ใช่ อันนั้นนานแล้วที่หลุดไปเพราะว่าเครียด ช่วงนั้นกำลังจะหย่ากับสามีเราเครียดก็เลยหลุด ไม่ได้หลุดที่มีลงไม้ลงมืออะไร แต่ว่าด้วยความที่เราเครียดมากเรากำลังจะหย่า เรากำลังอยากกลับบ้านลูกก็เลยหลุด สามีเก่าเขาก็ทราบ เขาเองก็เสียใจ เราเองก็เสียใจ แต่ว่ามันไม่ใช่มันยังไม่ถึงเวลา เขายังไม่มา เราจะไปทำอะไรได้”
ที่ชีวิตเราค่อนข้างเจอมรสุมกระหน่ำ
“ใช่ๆ จนตอนนี้เราจะไม่หวังอะไรมากมาย เราขอแค่ให้เรามีความสุขให้เราแฮปปี้ แล้วตื่นมาแล้วชีวิตยิ้มได้เราก็โอเคแล้ว”
ความรักที่จบลงสอนอะไรเราบ้าง
“สอนให้ใจเย็นๆ อย่าไปวู่วามทำอะไรมากเพราะว่า เป็นผู้หญิงแต่งแล้วหย่าอย่างไรก็เสียหาย จนตอนนี้เราก็ค่อยๆ ศึกษาดูใจ หายใจลึกๆ อย่าไปทำอะไรวู่วาม ใจเย็นๆ อันนี้คือคิดได้เลย”
รักครั้งใหม่แล้วต้องดูนานกว่านี้ดีกว่านี้หรือเปล่า
“ จริงๆแล้วเราก็มีนะ เราก็มีคนที่กำลังดูกันอยู่แล้ว คนนี้เราก็มั่นใจว่าเขาเป็นคนดี เพียงแต่ว่าเรื่องของอนาคตจะเป็นอย่างไรเราก็ไม่สามารถจะพูดได้ กลัวว่าพูดไปแล้วมันจะไม่เป็นไปตามที่พูด มันจะเหมือนเรากลืนน้ำลายตัวเองเปล่าๆ เราก็อยากให้มันค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่า เราคบกันทุกวันนี้ก็แฮปปี้มีความสุขดีอยู่แล้ว คบกับคนนี้มาจะ8เดือนแล้วมั้ง ด้วยความที่หย่ากับสามีคนเก่าเราหย่ากันไปสักพักหนึ่งแล้วเราก็เลยเปิดตัวเองว่าเราก็ไม่ได้อยากที่จะอยู่คนเดียวตลอดเราก็อยากที่จะรักใครสักคน เราก็อยากให้มีคนมารักแล้วพอมาเจอแฟนคนนี้เราก็รู้สึกว่าเราแฮปปี้ เขาเป็นชาวต่างชาติเป็นคนประเทศตุรกี ทุกวันนี้ก็ศึกษาดูใจกันอยู่ พอดีเขาอยู่เมืองเดียวกับเรามันก็เลยศึกษาดูใจกันง่ายขึ้น”
เรายังอยากแต่งงานอยู่ไหม
“แน่นอน ผู้หญิงทุกคนก็อยากมีครอบครัวนะ เราก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่อยากมีครอบครัว”
กับแฟนคนใหม่เขามีมาเกริ่นเรื่องแต่งงานหรือยัง
“มีคุยกันแล้ว โตๆ กันแล้วทั้งคู่ เขาอายุมากกว่าเรา 5 ปี เขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเรา เขาก็รู้ว่าจะทำอะไรก็ทำให้มันถูกต้อง ทำตามทำนองคลองธรรม จะคบกันเฉยๆอยู่กันเฉยๆไม่มีแต่งงานไม่จดทะเบียนมันก็ไม่ใช่ เขาก็รู้แต่เขาบอกว่าให้มันถึงเวลาก่อน ”
เราได้เล่าให้เขาฟังถึงเรื่องราวในอดีตไหม
“เล่า เขารู้ทุกเรื่อง เพราะว่าถ้าเรามัวแต่ไปนั่งโกหก แล้วถ้าเขามารู้ทีหลังมันจะมองหน้ากันไม่ติด เพราะฉะนั้นเรามีอะไรเราก็พูดกันเลย ว่าชีวิตเราต้องการอะไรแบบนี้ เแล้วเราเคยผ่านอะไรมาบ้าง เขาก็เข้าใจเพราะว่าเขาก็เคยแต่งงานมาก่อนเหมือนกัน ”
การคบกันมีอะไรต้องปรับไหม
“ถ้าจะต้องปรับก็คงต้องปรับที่ตัวเราเอง เพราะว่าเราเป็นคนอารมณ์ร้อน ใจร้อน แต่ว่าเขาเป็นคนใจเย็นมาก ถ้าเราโมโหเขาจะรอให้เราใจเย็นลงก่อน แล้วเขาก็ทำให้เราสงบได้ เราคิดว่าความเป็นผู้ใหญ่ของเขามันทำให้เราโตขึ้น ถ้าวันไหนทะเลาะหรือเราวี้ดใส่เขา เขาจะมานั่งกอดเราให้เราใจเย็นๆ ให้เราหายใจลึกๆ เราก็โอเคงั้นเราหายโกรธก็ได้”
อีกกี่ปีถึงจะอยากแต่งงาน
“อุ้ยรอให้เขาขอ ไม่คิดแล้ว ถ้าเขาขอ ถ้าในปีนี้เราก็แต่ง คบกันมา 8 เดือนแล้วรู้สึกว่าอยู่ด้วยกันได้ คุยภาษาเดียวกัน เราก็อายุไม่ใช่เด็กๆแล้ว มีวุฒิภาวะแล้ว ต้องรู้แล้วว่าถ้าอยากมีครอบครัวต้องทำตัวอย่างไร ต้องคิดถึงอนาคตได้แล้ว ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง