ข่าว

รอดคุก "ทักษิณ" ยิ้มได้ ศาลไฟเขียวให้ประกัน 5 แสน ก่อนขึ้นศาลอีกนัด 19 ส.ค.นี้

ศาลไฟเขียว ให้ประกันตัว "ทักษิณ" ด้วยหลักทรัพย์ 5 แสน ห้ามพูด ม.112 ยึดหนังสือเดินทาง ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทนายเผยมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นัดตรวจหลักฐาน 19 ส.ค.

18 มิ.ย. 2567 ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก สำนักงานอัยการสูงสุด นำตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งฟ้องศาลอาญา ภายหลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง นายทักษิณ ในคดี มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อฯ ต่างประเทศ ที่ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558

 

โดย นายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้เป็นผู้รับผิดชอบคดีได้ส่งฟ้อง พันตำรวจโท หรือ นายทักษิณ ชินวัตร ต่อศาลอาญา ตามข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นเรียบร้อยแล้ว โดยศาลประทับ รับฟ้องไว้ตามหมายเลขคดีดำที่ อ.1860/2567 ซึ่งบัดนี้คดีได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอาญาแล้ว หากมีผลคืบหน้าทางคดีสำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งให้ทราบต่อไป


 


ต่อมาเวลา 10.30 น.มีรายงานข่าวว่า ศาลอาญา นัดตรวจพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์และจำเลย ในคดีที่อัยการสูงสุดส่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 และมีรายงานว่า ศาลให้ประกันตัว ทักษิณ ชินวัตร ด้วยหลักทรัพย์ 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขประกันตัว ห้ามพูด ม.112 ยึดหนังสือเดินทาง ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

 

ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์ แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด อายุมาก ได้รับการปล่อยชั่วคราว ในชั้นสอบสวน มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งแน่นอนอยู่กับครอบครัว ประกอบกับโจทก์ไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว มีเหตุสมควรเชื่อว่า หากได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาจำเลยจะไม่หลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น หรือขัดขวางการพิจารณาของศาล อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย ระหว่างพิจารณา โดยให้ตีราคาประกัน 500,000 บาท กับให้จำเลยวางหนังสือเดินทาง ยึดหนังสือเดินทาง และหลักประกัน ห้ามจำเลยเดินทาง ออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล แจ้ง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทราบ

 

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์ "ทักษิณ ชินวัตร" สรุปว่า ขณะเกิดเหตุในคดีนี้และในปัจจุบันประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดหรือจะกล่าวหาหรือจะฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยพระมหากษัตริย์ขณะเกิดเหตุคดีนี้คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ส่วนพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบันคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาล 10 เมื่อระหว่างวันที่  21-22 พ.ค.2558 เวลากลางวัน, ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืนต่อเนื่องกันตลอดมา

 

จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา ด้วยการร่วมกันใช้อุปกรณ์ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์อื่นด้วยกันได้และอุปกรณ์ดังกล่าวได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ แล้วโพสต์ข้อมูล ภาพ ข้อความ และตัวอักษร ที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ซึ่งตั้งค่าเปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ลงในแอปพลิเคชั่น YouTube กับแอปพลิเคชั่น Facebook ดังกล่าวผ่านระบบสัญญานอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)

 

โดยจำเลยได้พูดให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของสำนักข่าว Chosun Media ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี เป็นภาษาไทย เมื่อวันที่ 20 พ.ค.โดยสำนักข่าว Chosun Media มีเว็ปไซต์ข่าว Url : http//www.Chosun เพื่อใช้ในการเผยแพร่ข่าว และจำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันนำคลิปวิดีโอถ้อยคำ การพูดให้สัมภาษณ์ของจำเลยในชื่อ " คลิป ทักษิณให้สัมภาษณ์ทิ้งบอมบ์ เบื้องหลัง ยึดอำนาจ อัดสุเทพ บิ๊กทหาร องคมนตรี "เผยแพร่ที่เว็บไซต์ YouTube โดยใช้ชื่อ https:// www.youtube.com/watch? v=tar/yCmbvABgo โดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า "news_vivความยาว 1.32 นาที และเผยแพร่ที่เว็บไซต์ facebook ชื่อบัญชี "หยุดดัดจริตประเทศไทย" ปรากฏตาม url :https://www.focebook.com/ stopfakethailand 2fref=ts 

 

อันเป็นการล่วงละเมิด หมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งประชาชนหรือบุคคลทั่วไปที่พบเห็นข้อมูล ข้อความ และตัวอักษรที่จำเลยได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของสำนักข่าว Chosun Media ในกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีดังกล่าวเข้าใจว่าสื่อถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9  และเข้าใจว่าการยึดอำนาจ รัฐประหารเป็นเรื่องที่ทหารได้รับคำสั่งมาจากในวังพระมหากษัตริย์ออกมาช่วยในการทำรัฐประหารและอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร

 

ทั้งนี้ ราชอาณาจักรไทยมีการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ข้อความดังกล่าวเป็นการมุ่งทำลาย ดูหมิ่นด้วยการใช้ถ้อยคำหยาบคายต่อองค์พระมหากษัตริย์ด้วยความไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศรัทธาและเคารพบูชาของประชาชนชาวไทยเป็นเหตุให้พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียงและเป็นการร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาไม่เคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้

 

และเป็นการกระทำมิบังควรจาบจ้วงล่วงเกินดูหมิ่น หรือกระทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทต่อพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 โดยประการที่น่าจะทำให้พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทรงเสื่อมเสีย พระเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และทำให้ประชาชนเสื่อมความเคารพศรัทธาต่อพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเหตุเกิดที่ เมืองกรุงโซล สาธารณรัฐกาหลี และที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานครและทั่วราชอาณาจักร ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน


ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาระหว่างสอบสวน จำเลยไม่ถูกควบคุมตัวโดยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวตลอดมาหากจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโจทก์ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล

 

โดยจำเลยนี้เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม 9/2551 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุก 4 ปี  โดยจำเลยจะพ้นโทษคดีดังกล่าว ในวันที่ 31 ส.ค.2567  ขอศาลนับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้เรียงติดต่อกันกับโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวด้วย

 

ศาลพิจารณาเเล้วประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1860/2567 โดยศาลอ่านเเละอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังเเล้วจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี 

 

นายวรชัย เหมะ อดีตเเกนนำเสื้อเเดงที่มาให้กำลังใจกล่าวว่านายทักษิณยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราววงเงิน 5 เเสนบาทศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีทั้งสองฝ่าย วันที่ 19 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

 

โดยมีรายงานว่า ศาลให้ประกันตัว "ทักษิณ ชินวัตร"

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวยอดนิยม