“สกลนคร” มาจาก “สกล” หมายถึง เต็มบริบูรณ์, ทั้งหมด, ทั้งสิ้น “นคร” หมายถึง เมือง ดังนั้น ชื่อ “สกลนคร” จึงน่าจะหมายถึง เมืองอันบริบูรณ์
ประวัติการตั้งบ้านเมืองสกลนคร ตามพงศาวดารเมืองฉบับพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) กล่าวว่า...
ที่ตั้งเมืองสกลนครปัจจุบัน เดิมคือเมืองหนองหานหลวง เมื่อ พ.ศ.1500 ขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทปัฐนครฝั่งเขมร ได้อพยพบ่าวไพร่มาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง บริเวณท่านางอาบ ราว พ.ศ.1800 เมื่อหนองหานตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของล้านช้างจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "เชียงใหม่หนองหาน"
สมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์พร้อมครอบครัวมาตั้งบ้านเมืองดูแลรักษาองค์พระธาตุเชิงชุม จนมีผู้คนมากขึ้นแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านธาตุเชิงชุม เป็น เมืองสกลทวาปี เมื่อปี พ.ศ.2329 โดยแต่งตั้งให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์เป็นพระธานี เจ้าเมืองสกลทวาปีคนแรก (สกลทวปี น่าจะแปลว่าหนองน้ำอันบริบูรณ์ (วาปี แปลว่า หนอง, บึง)
พ.ศ.2369 รัชกาลที่ 3 เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ เจ้าเมืองสกลทวาปีไม่ได้เตรียมกำลังป้องกันเมือง เหตุครั้งนี้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จึงสั่งให้นำตัวพระธานีไปประหารชีวิต พร้อมกวาดต้อนผู้คนไปอยู่ที่เมืองกบินทร์บุรีและประจันตคาม ให้คงเหลือแต่เพียงพวกเพี้ยศรีคอนชุม ต.ธาตุเชิงชุม บ้านหนองเหียน บ้านจานเพ็ญ บ้านอ่อมแก้ว บ้านธาตุเจงเวง บ้านพราน บ้านนาคีบ้านวังยาง และบ้านพรรณาเพื่อให้เป็นข้าปฏิบัติพระธาตุเชิงชุมเท่านั้น
ต่อมาราชวงศ์คำแห่งเมืองมหาชัยกองแก้ว ได้อพยพจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ข้ามเข้ามาสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นใหม่ที่เมืองสกลทวาปี รัชกาลที่ 3 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ราชวงศ์คำเป็นพระยาประเทศธานี (คำ) เจ้าเมืองสกลทวาปีและทรงเปลี่ยนนามเมืองเป็น “เมืองสกลนคร”
นอกจากพระธาตุเชิงชุมชาวสกลนครยังต้องดูแลรักษาสมบัติท้องถิ่นอื่นๆ ให้คงอยู่ต่อไป!
" เรือนอินทร์ หน้าพระลาน"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง